มิถุนายน ๒๕๕๔
เมื่อการต่อสู้ทางชนชั้นมีความดุเดือดเข้มข้น การล้วงความลับของฝ่ายตรงกันข้ามเพื่อรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าและภาวการณ์ของฝ่ายตรงข้ามจึงก็มีความสำคัญต่อชัยชนะหรือพ่ายแพ้มากยิ่งขึ้น ทั้งสองฝ่ายที่ต่อสู้กันจึงพัฒนาเทคนิควิธีการและเทคโนโลยีเครื่องมืออุปกรณ์ใหม่ๆ เพื่อจะแสวงหาข้อมูลหรือล้วงความลับให้รวดเร็วแม่นยำอย่างไม่หยุดยั้ง
อย่างไรก็ตาม “คน” ก็ยังเป็นปัจจัยชี้ขาดในการนำเครื่องมือไปใช้ ตั้งแต่การพกพา การติดตั้ง การขนส่ง การบันทึก เมื่อได้ความลับมาแล้วก็มี “คน” อีกนั่นแหละที่จะทำการประมวลผล ตีความหมาย ประเมินคุณค่า และตัดสินใจนำข้อมูลลับนั้นไปใช้เพื่อการกำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี
ทุกวันนี้ ศัตรูได้ส่งสายลับเข้าแทรกซึมในขบวนปฏิวัติประชาชนทั่วไปหมด พวกมันมีเทคนิควิธีการเป็นพันเป็นหมื่นชนิดที่จะได้ข้อมูลจากฝ่ายประชาชน ซึ่งจากตำราพิชัยสงครามซุนหวู่ได้กล่าวไว้ว่า
"สายลับ" ซึ่งใช้งานได้มีอยู่ ๕ ประเภท คือ สายลับพื้นเมือง สายลับภายใน สายลับสองหน้า สายลับกำจัดได้ และสายลับมีชีวิต เมื่อสายลับทั้ง ๕ ประเภทลงมือทำงาน ต่างก็ปฏิบัติภารกิจของตนไปพร้อมๆกัน โดยไม่มีผู้ใดรู้วิธีหาข่าวของสายลับเหล่านี้
สายลับพื้นเมือง คือ คนท้องถิ่นของข้าศึกที่เราเอามาใช้งานได้
สายลับภายใน คือ นายทหารของข้าศึกที่เราเอามาใช้งานได้
สายลับสองหน้า คือ สายลับของข้าศึกที่เราเอามาใช้งานได้
สายลับกำจัดได้ คือ สายลับฝ่ายเราที่เราส่งไปในดินแดนของข้าศึก เพื่อสร้างข่าวลวงขึ้น
สายลับมีชีวิต คือ สายลับที่กลับมาได้พร้อมข่าว
ปัจจุบัน ได้มีรูปแบบของสายลับใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีกหลายชนิด เช่น คนที่เป็นสายลับทางคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า นักแฮกเกอร์(hacker) แครกเกอร์ ( Cracker) และ สคริปต์คิดดี้ส์ (Script - Kiddies) ฯลฯ ที่โด่งดังเมื่อไม่นานนี้ คือ กรณีของนายนายจูเลียน แอสแซงจ์ ที่ขโมยข้อมูลของสถานทูตอเมริกามาเผยแพร่ในเว็บไซต์วิกิลีกส์ ขณะที่บางคนเจาะข้อมูลขององค์การนาซ่า และเอฟบีไอ บางคนปล่อยไวรัสคอมพิวเตอร์ทำลายข้อมูลต่างๆพังพินาศไปทั่วโลก คนเหล่านี้คือคนที่สามารถล้วงความลับข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ได้ ด้วยวิธีการและวัตถุประสงค์ต่างๆกัน ซึ่งนอกจากจะล้วงความลับได้แล้วยังสามารถส่ง ไวรัส (virus) เข้าไปทำลายข้อมูลและทำลายระบบการทำงานของเครื่องยนต์กลไกที่เชื่อมต่อกับระบบคอมพิวเตอร์ได้ ตลอดจนขโมยเงินจำนวนมหาศาลจากบัญชีธนาคารและบัญชีของคนอื่นได้อีกด้วย
สำหรับสายลับที่เป็นหุ่นยนต์เคลื่อนที่ได้เองนี้ ได้มีการประดิษฐ์ขึ้นมีรูปแบบแปลกประหลาด บางชนิดก็ใหญ่โต เช่น ดาวเทียมสอดแนม บอลลูน ฯลฯ บางชนิดก็สร้างแบบแนบเนียนจนยากจะสังเกตเห็น เช่น หุ่นยนต์นกฮัมมิ่งเบิร์ด (humming-bird) หุ่นยนต์งู สปาย จอมเลี้อย หุ่นยนต์ค้างคาวสายลับ (spy-bat) เป็นต้น หุ่นยนต์เหล่านี้สามารถเลื่อนตัวเข้าไปสอดแนมโดยใช้การควบคุมระยะไกล ผ่านคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์สายลับสมัยใหม่ และล้วงความลับข้าศึก แล้วส่งสัญญาณรายงานผลกลับทันที
สำหรับสายลับที่เป็นหุ่นยนต์เคลื่อนที่ได้เองนี้ ได้มีการประดิษฐ์ขึ้นมีรูปแบบแปลกประหลาด บางชนิดก็ใหญ่โต เช่น ดาวเทียมสอดแนม บอลลูน ฯลฯ บางชนิดก็สร้างแบบแนบเนียนจนยากจะสังเกตเห็น เช่น หุ่นยนต์นกฮัมมิ่งเบิร์ด (humming-bird) หุ่นยนต์งู สปาย จอมเลี้อย หุ่นยนต์ค้างคาวสายลับ (spy-bat) เป็นต้น หุ่นยนต์เหล่านี้สามารถเลื่อนตัวเข้าไปสอดแนมโดยใช้การควบคุมระยะไกล ผ่านคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์สายลับสมัยใหม่ และล้วงความลับข้าศึก แล้วส่งสัญญาณรายงานผลกลับทันที
เมื่อชนชั้นปกครองมีเงิน คน ทักษะ ความรู้ ความชำนาญและเทคโนโลยีสูงเช่นนี้ ฝ่ายประชาชนจึงต้องเรียนรู้คน องค์กร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสายลับให้มกขึ้น และต้องรู้ถึงผู้ใช้และผู้มีอำนาจสั่งการของฝ่ายศัตรูทั้งในระดับประเทศและระดับท้องถิ่นด้วย
ในระยะที่ฝ่ายประชาชนยังอ่อนแอต้องการอำพรางแก่นแกน ซุ่มซ่อนยาวนาน สะสมกำลังรอคอยโอกาส และลุกขึ้นสู้ ประชาชนควรฝึกสังเกตและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่จะเข้าล้วงความลับของศัตรู ต้องหมายตา ถ่ายภาพ บันทึกจดจำชื่อที่อยู่หน้าตา พาหนะของสายลับภายนอกที่เข้ามาหาข่าวในชุมชนหรือสายลับในชุมชน แล้วบอกชื่อรูปร่างหน้าตาผู้ที่เป็นสายลับแก่กันและกัน และต้องรู้จักป้องกันและหลบหลีกการติดตามหาข่าวของศัตรู ซึ่งสิ่งที่พวกมันต้องการรู้คือ การจัดประชุม การจัดศึกษา ใครเป็นวิทยากร ใครคือผู้นำความคิด ใครคือผู้นำการปฏิบัติการ มีใครเข้าร่วมประชุมบ้าง คุยอะไรกันบ้าง โดยเฉพาะผู้ที่มีทัศนะล้มจ้าว และผู้ที่มีทัศนะต่อสู้ด้วยอาวุธพวกสายลับจะควานหาตัวเป็นพิเศษ
ในระยะของการลุกขึ้นสู้ ฝ่ายประชาชนต้องช่วงชิงลงมือกำจัดสายลับให้เร็วที่สุดเป็นลำดับแรก
สำหรับบทเรียนตัวอย่างที่สายลับของศัตรูกระทำต่อขบวนการคนเสื้อแดง โดยใช้ข้อหา ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่บัญญํติว่า “ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาต มาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จ ราชการแทนพระองค์ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี”เป็นเครื่องมือเล่นงานประชาชนมาโดยตลอด เฉพาะรูปธรรมใกล้ๆ ดังเช่น
ในระยะที่ฝ่ายประชาชนยังอ่อนแอต้องการอำพรางแก่นแกน ซุ่มซ่อนยาวนาน สะสมกำลังรอคอยโอกาส และลุกขึ้นสู้ ประชาชนควรฝึกสังเกตและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่จะเข้าล้วงความลับของศัตรู ต้องหมายตา ถ่ายภาพ บันทึกจดจำชื่อที่อยู่หน้าตา พาหนะของสายลับภายนอกที่เข้ามาหาข่าวในชุมชนหรือสายลับในชุมชน แล้วบอกชื่อรูปร่างหน้าตาผู้ที่เป็นสายลับแก่กันและกัน และต้องรู้จักป้องกันและหลบหลีกการติดตามหาข่าวของศัตรู ซึ่งสิ่งที่พวกมันต้องการรู้คือ การจัดประชุม การจัดศึกษา ใครเป็นวิทยากร ใครคือผู้นำความคิด ใครคือผู้นำการปฏิบัติการ มีใครเข้าร่วมประชุมบ้าง คุยอะไรกันบ้าง โดยเฉพาะผู้ที่มีทัศนะล้มจ้าว และผู้ที่มีทัศนะต่อสู้ด้วยอาวุธพวกสายลับจะควานหาตัวเป็นพิเศษ
ในระยะของการลุกขึ้นสู้ ฝ่ายประชาชนต้องช่วงชิงลงมือกำจัดสายลับให้เร็วที่สุดเป็นลำดับแรก
สำหรับบทเรียนตัวอย่างที่สายลับของศัตรูกระทำต่อขบวนการคนเสื้อแดง โดยใช้ข้อหา ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่บัญญํติว่า “ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาต มาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จ ราชการแทนพระองค์ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี”เป็นเครื่องมือเล่นงานประชาชนมาโดยตลอด เฉพาะรูปธรรมใกล้ๆ ดังเช่น
กรณีที่ ๑ กรณีนายกล้าหาญ(นามสมมุติ) พักอาศัยที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ถูกชายหน้าตี๋และพวก 4 คน ผู้หญิง 1 คนแนะนำตัวว่ามาจากสันติบาล เข้าควบคุมตัวแล้วแจ้งว่า นายกล้าหาญส่งข้อมูลหมิ่นพระมหากษัตริย์ไปตามอีเมล์ต่างๆ พร้อมแสดงข้อมูลที่ปริ้นออกมากว่า 1,000 แผ่น และข่มขู่ว่าห้ามบอกใครเด็ดขาด หากจะรอญาติหรือทนายความก็จะจัดการส่งเข้ากระบวนการจับกุมเดียวนี้ทันที พร้อมทั้งยึดเอาโน้ตบุ้คในห้องพักไปด้วย แล้วบอกว่าหากพบสิ่งผิดกฎหมายในโน๊ตบุ้คอีกจะดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
จากกรณีของนายกล้าหาญ ยังพบข้อมูลการปฏิบัติการของสันติบาลก่อนหน้านี้ คือการส่งเจ้าหน้าที่เข้าเช่าอพาร์ตเม้นต์เฝ้าเป้าหมายมาก่อนแล้วกว่าสามเดือน มีผู้จัดการอพาร์ตเม้นต์รู้เห็นเป็นใจกับฝ่ายศัตรูประชาชน และที่สำคัญเจ้าหน้าที่สันติบาลยังบอกว่าเปิดดูอีเมล์ได้ทุกอีเมล์ของนายกล้าหาญที่มีรหัสและชื่อแตกต่างกัน และยังบอกชื่อปลอมของนายกล้าหาญที่ใช้กับหญิงคนหนึ่งซึ่งต่อมารู้ว่าหญิงคนนี้เป็นสายลับที่มาหาข้อมูลด้านลึกและฝังตัวในเครือข่าย หญิงคนนี้ยังหลอกให้นายกล้าหาญไร้ท์ซีดีชูพงศ์และภาพลับราชวงศ์ให้อีกด้วย อันเป็นหลักฐานทางกฎหมายแบบล่อซื้อยาเสพติดนั่นเอง
จากกรณีของนายกล้าหาญ ยังพบข้อมูลการปฏิบัติการของสันติบาลก่อนหน้านี้ คือการส่งเจ้าหน้าที่เข้าเช่าอพาร์ตเม้นต์เฝ้าเป้าหมายมาก่อนแล้วกว่าสามเดือน มีผู้จัดการอพาร์ตเม้นต์รู้เห็นเป็นใจกับฝ่ายศัตรูประชาชน และที่สำคัญเจ้าหน้าที่สันติบาลยังบอกว่าเปิดดูอีเมล์ได้ทุกอีเมล์ของนายกล้าหาญที่มีรหัสและชื่อแตกต่างกัน และยังบอกชื่อปลอมของนายกล้าหาญที่ใช้กับหญิงคนหนึ่งซึ่งต่อมารู้ว่าหญิงคนนี้เป็นสายลับที่มาหาข้อมูลด้านลึกและฝังตัวในเครือข่าย หญิงคนนี้ยังหลอกให้นายกล้าหาญไร้ท์ซีดีชูพงศ์และภาพลับราชวงศ์ให้อีกด้วย อันเป็นหลักฐานทางกฎหมายแบบล่อซื้อยาเสพติดนั่นเอง
กรณีที่ ๒ กรณีนายสุรชัย แซ่ด่าน แกนนำกลุ่มแดงสยามได้ปรากฏว่ามีสายลับเข้าร่วมกิจกรรมอย่างใกล้ชิดและแสดงท่าทีเป็นคนเสื้อแดงที่เอาการเอางานมาก มันมีเวลาให้กับการทำกิจกรรม ไม่มีความเดือดร้อนเรื่องเงินทองและสามารถร่วมงานตลอดเวลา (เนื่องจากมีเงินเดือนและค่าใช้จ่ายในฐานะสายลับจากชนชั้นปกครอง) การปราศรัยบนเวทีของสุรชัยที่มีลักษณะเฉียดฉิวไปมาไม่เป็นประเด็นความผิดทางกฎหมายที่ชัดเจน แต่สายลับกลับตามแอบบันทึกเสียงสุรชัยและคนอื่นๆ ในขณะที่พักผ่อนหรือพูดคุยกันนอกเวที ที่มีผู้ปฏิบัติงานต่างๆ ที่ต้องพูดเกี่ยวกับพฤติกรรมของศักดินาโดยไม่ระมัดระวัง ซึ่งนำไปสู่การประเมินบทบาทของสุรชัยในแนวทางการต่อสู้ที่ฝ่ายศักดินากลัวเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งถือได้ว่า สายลับที่ฝังตัวอยู่ในขบวนการแดงสยามเป็น อสรพิษร้ายกาจและอันตรายที่สุด
จากตัวอย่างดังกล่าว ย่อมสะท้อนถึงความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างฝ่ายประชาชนกับสายลับฝ่ายชนชั้นศักดินาที่ต้องขับเคี่ยวเอาเป็นเอาตายกันอีกยาวนาน ซึ่งฝ่ายประชาชนตกเป็นฝ่ายถูกกระทำย่ำยีอยู่ฝ่ายเดียว โดยเฉพาะฝ่ายประชาชนคนเสื้อแดงที่ถูกฆ่าถูกจับคนแล้วคนเล่า ฝ่ายสายลับที่คอยชี้เป้ากลับลอยนวล อยู่ดีกินดี มีลาภยศสรรเสริญ มีงานทำ มีเงินมากในขณะที่ประชาชนออกไปต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมต้องเสียเงินทอง เลือดเนื้อและชีวิตของตนเอง
ในคราวที่คนเสื้อแดงชุมนุมที่ถนนราชดำเนินและที่สี่แยกราชประสงค์ ฝ่ายชนชั้นศักดินาได้ส่งสายลับหลายร้อยคนเข้าปะปนกับคนเสื้อแดงตลอด 24 ชั่วโมง และวางสายลับไว้ทุกด่านตรวจของคนเสื้อแดง ซึ่งสายลับแต่ละคนต้องรายงานเหตุการณ์และรายงานบุคคลที่ตนพบเห็นต่อเจ้านาย แต่กลับไม่มีรายงานว่า “ชายชุดดำ”ในที่ชุมนุม นี่แสดงว่าชนชั้นปกครองก็รู้ว่าไม่มีผู้ถืออาวุธชายชุดดำอยู่ในที่ชุมนุม เพราะหากมีชายชุดดำที่ไล่ฆ่าคนเสื้อแดงจริงก็ต้องมิอาจเล็ดรอดสายตาสายลับหลายร้อยคนไปได้ และต้องมีในบันทึกรายงานประจำวันของสายลับ
นี่ย่อมแสดงให้เห็นว่า ชนชั้นปกครองปกปิดการทำงานของสายลับ และต้องการใช้งานสายลับซ้ำโดยมิให้สายลับเป็นที่เพ่งเล็งของคนเสื้อแดง จนกว่าคนเสื้อแดง จะตระหนักรู้ที่จะรู้ทันและกำจัดสายลับนั้นเสีย.

No comments:
Post a Comment
Note: only a member of this blog may post a comment.