Thursday, 27 August 2015

รู้ทันศัตรู (๒) การติดตามบุคคล

โดยนายพอน  ตาไว
มิถุนายน ๒๕๕๔


เมื่อการต่อสู้ทางชนชั้นมีความดุเดือดเข้มข้น  การล้วงความลับของฝ่ายตรงกันข้ามเพื่อรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าและภาวการณ์ของฝ่ายตรงข้ามจึงก็มีความสำคัญต่อชัยชนะหรือพ่ายแพ้มากยิ่งขึ้น    ทั้งสองฝ่ายที่ต่อสู้กันจึงพัฒนาเทคนิควิธีการและเทคโนโลยีเครื่องมืออุปกรณ์ใหม่ๆ เพื่อจะแสวงหาข้อมูลหรือล้วงความลับให้รวดเร็วแม่นยำอย่างไม่หยุดยั้ง


อย่างไรก็ตาม “คน” ก็ยังเป็นปัจจัยชี้ขาดในการนำเครื่องมือไปใช้ ตั้งแต่การพกพา การติดตั้ง การขนส่ง การบันทึก   เมื่อได้ความลับมาแล้วก็มี  “คน” อีกนั่นแหละที่จะทำการประมวลผล  ตีความหมาย  ประเมินคุณค่า และตัดสินใจนำข้อมูลลับนั้นไปใช้เพื่อการกำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี
ทุกวันนี้ ศัตรูได้ส่งสายลับเข้าแทรกซึมในขบวนปฏิวัติประชาชนทั่วไปหมด  พวกมันมีเทคนิควิธีการเป็นพันเป็นหมื่นชนิดที่จะได้ข้อมูลจากฝ่ายประชาชน  ซึ่งจากตำราพิชัยสงครามซุนหวู่ได้กล่าวไว้ว่า
"สายลับ" ซึ่งใช้งานได้มีอยู่ ๕ ประเภท คือ  สายลับพื้นเมือง สายลับภายใน สายลับสองหน้า สายลับกำจัดได้ และสายลับมีชีวิต เมื่อสายลับทั้ง ๕ ประเภทลงมือทำงาน ต่างก็ปฏิบัติภารกิจของตนไปพร้อมๆกัน โดยไม่มีผู้ใดรู้วิธีหาข่าวของสายลับเหล่านี้ 
สายลับพื้นเมือง คือ คนท้องถิ่นของข้าศึกที่เราเอามาใช้งานได้ 
สายลับภายใน คือ นายทหารของข้าศึกที่เราเอามาใช้งานได้ 
สายลับสองหน้า คือ สายลับของข้าศึกที่เราเอามาใช้งานได้
สายลับกำจัดได้ คือ สายลับฝ่ายเราที่เราส่งไปในดินแดนของข้าศึก เพื่อสร้างข่าวลวงขึ้น
สายลับมีชีวิต คือ สายลับที่กลับมาได้พร้อมข่าว

« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ตุลาคม 02, 2014, 01:16:33 PM »
ปัจจุบัน ได้มีรูปแบบของสายลับใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีกหลายชนิด  เช่น คนที่เป็นสายลับทางคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า นักแฮกเกอร์(hacker) แครกเกอร์  ( Cracker) และ สคริปต์คิดดี้ส์ (Script - Kiddies) ฯลฯ ที่โด่งดังเมื่อไม่นานนี้ คือ กรณีของนายนายจูเลียน แอสแซงจ์  ที่ขโมยข้อมูลของสถานทูตอเมริกามาเผยแพร่ในเว็บไซต์วิกิลีกส์ ขณะที่บางคนเจาะข้อมูลขององค์การนาซ่า และเอฟบีไอ บางคนปล่อยไวรัสคอมพิวเตอร์ทำลายข้อมูลต่างๆพังพินาศไปทั่วโลก   คนเหล่านี้คือคนที่สามารถล้วงความลับข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ได้ ด้วยวิธีการและวัตถุประสงค์ต่างๆกัน ซึ่งนอกจากจะล้วงความลับได้แล้วยังสามารถส่ง ไวรัส (virus)  เข้าไปทำลายข้อมูลและทำลายระบบการทำงานของเครื่องยนต์กลไกที่เชื่อมต่อกับระบบคอมพิวเตอร์ได้   ตลอดจนขโมยเงินจำนวนมหาศาลจากบัญชีธนาคารและบัญชีของคนอื่นได้อีกด้วย


สำหรับสายลับที่เป็นหุ่นยนต์เคลื่อนที่ได้เองนี้  ได้มีการประดิษฐ์ขึ้นมีรูปแบบแปลกประหลาด  บางชนิดก็ใหญ่โต เช่น ดาวเทียมสอดแนม บอลลูน ฯลฯ  บางชนิดก็สร้างแบบแนบเนียนจนยากจะสังเกตเห็น เช่น หุ่นยนต์นกฮัมมิ่งเบิร์ด (humming-bird) หุ่นยนต์งู สปาย จอมเลี้อย  หุ่นยนต์ค้างคาวสายลับ (spy-bat)  เป็นต้น  หุ่นยนต์เหล่านี้สามารถเลื่อนตัวเข้าไปสอดแนมโดยใช้การควบคุมระยะไกล ผ่านคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์สายลับสมัยใหม่ และล้วงความลับข้าศึก แล้วส่งสัญญาณรายงานผลกลับทันที


เมื่อชนชั้นปกครองมีเงิน คน ทักษะ ความรู้ ความชำนาญและเทคโนโลยีสูงเช่นนี้  ฝ่ายประชาชนจึงต้องเรียนรู้คน องค์กร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสายลับให้มกขึ้น  และต้องรู้ถึงผู้ใช้และผู้มีอำนาจสั่งการของฝ่ายศัตรูทั้งในระดับประเทศและระดับท้องถิ่นด้วย 
 
ในระยะที่ฝ่ายประชาชนยังอ่อนแอต้องการอำพรางแก่นแกน ซุ่มซ่อนยาวนาน สะสมกำลังรอคอยโอกาส และลุกขึ้นสู้ ประชาชนควรฝึกสังเกตและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่จะเข้าล้วงความลับของศัตรู  ต้องหมายตา ถ่ายภาพ บันทึกจดจำชื่อที่อยู่หน้าตา พาหนะของสายลับภายนอกที่เข้ามาหาข่าวในชุมชนหรือสายลับในชุมชน  แล้วบอกชื่อรูปร่างหน้าตาผู้ที่เป็นสายลับแก่กันและกัน  และต้องรู้จักป้องกันและหลบหลีกการติดตามหาข่าวของศัตรู  ซึ่งสิ่งที่พวกมันต้องการรู้คือ การจัดประชุม การจัดศึกษา ใครเป็นวิทยากร ใครคือผู้นำความคิด ใครคือผู้นำการปฏิบัติการ มีใครเข้าร่วมประชุมบ้าง คุยอะไรกันบ้าง  โดยเฉพาะผู้ที่มีทัศนะล้มจ้าว และผู้ที่มีทัศนะต่อสู้ด้วยอาวุธพวกสายลับจะควานหาตัวเป็นพิเศษ 

ในระยะของการลุกขึ้นสู้  ฝ่ายประชาชนต้องช่วงชิงลงมือกำจัดสายลับให้เร็วที่สุดเป็นลำดับแรก


   สำหรับบทเรียนตัวอย่างที่สายลับของศัตรูกระทำต่อขบวนการคนเสื้อแดง โดยใช้ข้อหา ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่บัญญํติว่า “ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาต มาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จ ราชการแทนพระองค์ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี”เป็นเครื่องมือเล่นงานประชาชนมาโดยตลอด เฉพาะรูปธรรมใกล้ๆ ดังเช่น
 กรณีที่ ๑ กรณีนายกล้าหาญ(นามสมมุติ)   พักอาศัยที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ถูกชายหน้าตี๋และพวก 4 คน  ผู้หญิง  1  คนแนะนำตัวว่ามาจากสันติบาล  เข้าควบคุมตัวแล้วแจ้งว่า นายกล้าหาญส่งข้อมูลหมิ่นพระมหากษัตริย์ไปตามอีเมล์ต่างๆ   พร้อมแสดงข้อมูลที่ปริ้นออกมากว่า 1,000 แผ่น  และข่มขู่ว่าห้ามบอกใครเด็ดขาด   หากจะรอญาติหรือทนายความก็จะจัดการส่งเข้ากระบวนการจับกุมเดียวนี้ทันที  พร้อมทั้งยึดเอาโน้ตบุ้คในห้องพักไปด้วย แล้วบอกว่าหากพบสิ่งผิดกฎหมายในโน๊ตบุ้คอีกจะดำเนินการทางกฎหมายต่อไป  

   จากกรณีของนายกล้าหาญ ยังพบข้อมูลการปฏิบัติการของสันติบาลก่อนหน้านี้ คือการส่งเจ้าหน้าที่เข้าเช่าอพาร์ตเม้นต์เฝ้าเป้าหมายมาก่อนแล้วกว่าสามเดือน มีผู้จัดการอพาร์ตเม้นต์รู้เห็นเป็นใจกับฝ่ายศัตรูประชาชน และที่สำคัญเจ้าหน้าที่สันติบาลยังบอกว่าเปิดดูอีเมล์ได้ทุกอีเมล์ของนายกล้าหาญที่มีรหัสและชื่อแตกต่างกัน  และยังบอกชื่อปลอมของนายกล้าหาญที่ใช้กับหญิงคนหนึ่งซึ่งต่อมารู้ว่าหญิงคนนี้เป็นสายลับที่มาหาข้อมูลด้านลึกและฝังตัวในเครือข่าย หญิงคนนี้ยังหลอกให้นายกล้าหาญไร้ท์ซีดีชูพงศ์และภาพลับราชวงศ์ให้อีกด้วย อันเป็นหลักฐานทางกฎหมายแบบล่อซื้อยาเสพติดนั่นเอง
กรณีที่ ๒  กรณีนายสุรชัย แซ่ด่าน  แกนนำกลุ่มแดงสยามได้ปรากฏว่ามีสายลับเข้าร่วมกิจกรรมอย่างใกล้ชิดและแสดงท่าทีเป็นคนเสื้อแดงที่เอาการเอางานมาก  มันมีเวลาให้กับการทำกิจกรรม ไม่มีความเดือดร้อนเรื่องเงินทองและสามารถร่วมงานตลอดเวลา (เนื่องจากมีเงินเดือนและค่าใช้จ่ายในฐานะสายลับจากชนชั้นปกครอง)  การปราศรัยบนเวทีของสุรชัยที่มีลักษณะเฉียดฉิวไปมาไม่เป็นประเด็นความผิดทางกฎหมายที่ชัดเจน  แต่สายลับกลับตามแอบบันทึกเสียงสุรชัยและคนอื่นๆ ในขณะที่พักผ่อนหรือพูดคุยกันนอกเวที ที่มีผู้ปฏิบัติงานต่างๆ ที่ต้องพูดเกี่ยวกับพฤติกรรมของศักดินาโดยไม่ระมัดระวัง  ซึ่งนำไปสู่การประเมินบทบาทของสุรชัยในแนวทางการต่อสู้ที่ฝ่ายศักดินากลัวเป็นอย่างยิ่ง  ซึ่งถือได้ว่า สายลับที่ฝังตัวอยู่ในขบวนการแดงสยามเป็น อสรพิษร้ายกาจและอันตรายที่สุด

   จากตัวอย่างดังกล่าว ย่อมสะท้อนถึงความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างฝ่ายประชาชนกับสายลับฝ่ายชนชั้นศักดินาที่ต้องขับเคี่ยวเอาเป็นเอาตายกันอีกยาวนาน ซึ่งฝ่ายประชาชนตกเป็นฝ่ายถูกกระทำย่ำยีอยู่ฝ่ายเดียว โดยเฉพาะฝ่ายประชาชนคนเสื้อแดงที่ถูกฆ่าถูกจับคนแล้วคนเล่า  ฝ่ายสายลับที่คอยชี้เป้ากลับลอยนวล อยู่ดีกินดี มีลาภยศสรรเสริญ มีงานทำ มีเงินมากในขณะที่ประชาชนออกไปต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมต้องเสียเงินทอง เลือดเนื้อและชีวิตของตนเอง 


   ในคราวที่คนเสื้อแดงชุมนุมที่ถนนราชดำเนินและที่สี่แยกราชประสงค์    ฝ่ายชนชั้นศักดินาได้ส่งสายลับหลายร้อยคนเข้าปะปนกับคนเสื้อแดงตลอด 24 ชั่วโมง และวางสายลับไว้ทุกด่านตรวจของคนเสื้อแดง ซึ่งสายลับแต่ละคนต้องรายงานเหตุการณ์และรายงานบุคคลที่ตนพบเห็นต่อเจ้านาย แต่กลับไม่มีรายงานว่า “ชายชุดดำ”ในที่ชุมนุม   นี่แสดงว่าชนชั้นปกครองก็รู้ว่าไม่มีผู้ถืออาวุธชายชุดดำอยู่ในที่ชุมนุม เพราะหากมีชายชุดดำที่ไล่ฆ่าคนเสื้อแดงจริงก็ต้องมิอาจเล็ดรอดสายตาสายลับหลายร้อยคนไปได้ และต้องมีในบันทึกรายงานประจำวันของสายลับ 


   นี่ย่อมแสดงให้เห็นว่า ชนชั้นปกครองปกปิดการทำงานของสายลับ  และต้องการใช้งานสายลับซ้ำโดยมิให้สายลับเป็นที่เพ่งเล็งของคนเสื้อแดง  จนกว่าคนเสื้อแดง จะตระหนักรู้ที่จะรู้ทันและกำจัดสายลับนั้นเสีย.

No comments:

Post a Comment

Note: only a member of this blog may post a comment.