Thursday, 27 August 2015

รู้ทันศัตรู (๗) บัญชีศัตรู

บัญชีศัตรู
โดย  พอน ตาไว
กันยายน  ๒๕๕๗


   จากการล้อมปราบคนเสื้อแดงในการชุมนุมที่ถนนอักษะนั้น คนที่รอดตายจากการชุมนุม ได้ถูกไล่ล่าต่อเนื่องถึงบ้านเรือน มีคนถูกจับถูกสังหารและหลบหนีออกไปจากบ้านเรือนจำนวนมาก
   บทเรียนครั้งนี้ได้ชี้ให้เห็นว่า ศัตรูประชาชนนั้นได้มีข้อมูลฝ่ายประชาชนเป็นอย่างดี สามารถตามจับกุม ไล่ล่า และสังหารได้ถึงบ้านเรือน บางส่วนถูกเรียกเข้าไปรายงานตัว 


   ทำให้เห็นว่า ศัตรูประชาชนได้จัดทำบัญชีรายชื่อ ที่อยู่ และระบุพฤติกรรมของประชาชนที่จะเป็นอันตรายต่อการดำรงฐานะกดขี่ขูดรีดของพวกเขาได้อย่างแม่นยำ ซึ่งนอกจากฝ่ายอนุรักษ์นิยมจะจัดทำบัญชี จัดทำทำภาพถ่ายบุคคล องค์กร ติดตามกิจกรรม ติดตามความสัมพันธ์  ด้วยวิธีการสกดรอย ติดตามสอดแนมประชาชนได้เองแล้ว  ศัตรูยังได้ข้อมูลบุคคลจากการจัดทำบัญชีรายชื่อกำลังคนของฝ่ายคนเสื้อแดงเองอีกด้วย   อันถือเป็นความไร้เดียงสาทางการเมืองของแกนนำปฏิรูปกราบกินอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการจัดทำบัญชีคนเสื้อแดงแบบแยกประเภท ตามภาระกิจที่พวกเขารวมคนไปแลกเงิน  จนกลายเป็นการรวบรวมรายชื่อของประชาชนไปให้ฝ่ายศัตรูเสียเอง หลายครั้ง หลายบัญชี   ซึ่งเป็นบัญชีสำเร็จรูป ที่ระบุยอดจำนวนคนและแบ่งประเภทตามระดับความตื่นตัวของคนเสื้อแดงตามระดับฝีมือและความกล้าหาญที่พร้อมจะลงมือจัดการลงโทษปราบปรามฝ่ายอนุรักษ์ ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อพวกอนุรักษ์อย่างยิ่งอีกด้วย  เช่น บัญชีการ์ด บัญชีคนเสื้อแดงที่ต้องการต่อสู้แบบเข้มข้นแตกหัก ศัตรูได้บัญชีรายชื่อไปแล้วหาภาพบุคคลประกอบรายชื่อ ก็สามารถวางกำลังไปกำจัด กวาดล้าง หรือสังหารได้อย่างง่ายๆ

บัญชีคนเสื้อแดงตามเหตุการณ์สำคัญที่ถูกจัดทำขึ้นโดยฝ่ายปฏิรูป เช่น
   ๑.การจัดทำบัญชีคนเสื้อแดงผ่านกรณีถวายฎีกาเอาทักษิณกลับบ้าน
   ๒.การจัดทำบัญชีผ่านบัตรสมาชิก นปช.
   ๓.การจัดทำบัญชีกองกำลังนักรบฮาร์ดคอร์ของนายแรมโบ้
   ๔.การให้เงินเพื่อซื้อข้อมูลอดีต สมาชิก พคท.
   ๕.การจ่ายเงินเยียวยาพิเศษแก่การ์ด นปช.-ฮาร์ดคอร์ และสมาชิกขอนแก่นโมเดล ผ่านกิจกรรมของเมย์อียู









 การจัดทำบัญชีรายชื่อประชาชนแยกประเภทแล้วเหล่านี้ ได้ตกไปอยู่ในมือศัตรู อย่างจงใจ บางบัญชีถูกส่งให้ศัตรูแบบรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือจะเพราะไร้เดียงสาทางการเมืองก็ตาม  ต่างล้วนส่งผลต่อความเสียหายใหญ่หลวงตามมาอย่างต่อเนื่อง กระแสการต่อสู้ของประชาชนตกต่ำทรุดฮวบลงทันทีทุกพื้นที่ทั่วประเทศ


   ประชาชนจำนวนมากต้องหลบหนีออกจากบ้านเรือนไปต่างประเทศ และบางส่วนก็ซ่อนตัว หนีตาย หนีคดี อย่างทุกข์ทรมาน 
   และมีจำนวนไม่น้อยถูกตามตัวจนพบเจอในที่หลบซ่อนอย่างรวดเร็ว โดยศัตรูได้ใช้เครื่องมือและจากเทคนิควิธีการติดตามบุคคล  เช่น 
   ๑.ติดตามผ่านโทรศัพท์มือถือ/ ผ่านสมาร์ทโฟน ที่ระบุตำแหน่ง GPS 
   ๒.ผ่านการโอนเงิน กดเงินตามตู้เอทีเอ็ม
   ๓.ผ่านญาติ-เพื่อนสนิท-คนในครอบครัว
   ๔.รถยนต์ พาหนะ
   ๕.ผ่าน IPระบุตำแหน่งจากการใช้อินเตอร์เน็ต
   ๖.ผ่านการติดตามสืบเสาะจากเบาะแสพฤติกรรมส่วนตัว เช่น บ้านญาติ เพื่อน แฟน กิ๊ก ที่ทำงาน งานอดิเรก กีฬา งานสังคม ร้านอาหาร ฯลฯ


« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ตุลาคม 02, 2014, 04:35:56 PM »
อย่างไรก็ตาม ความสูญเสียจากการถูกตามไล่ล่าถึงบ้านเรือนและที่อาศัยชั่วคราวดังกล่าวนี้ ทำให้ประชาชนคนเสื้อแดง  ได้รับบทเรียนจากการร่วมต่อสู้มาก ทั้งต่อวิธีคิดของตนเองที่หวังพึ่งกลยุทธิ์ของแกนนำปฏิรูปอย่างวางใจ  จนได้รับบทเรียนทั้งตาย ทั้งบาดเจ็บ ที่เหลือก็แทบเอาชีวิตไม่รอด
นอกจากมี “บทเรียน” และรับผลเลวร้ายต่างๆ นานา ทั้งท้อถอย หดหู่ เสียใจ บางคนโกรธแค้นแกนนำแล้ว  ก็ยังมี “คำถาม”ใหม่ๆ  เพื่อตระเตรียมการลุกขึ้นสู้ครั้งต่อไปอีกด้วย  เช่น
   ๑. “ถ้าประชาชนจะเป็นฝ่ายไล่ล่าศัตรูบ้าง จะเป็นไปได้หรือไม่? มีความจำเป็นหรือไม่? อย่างไร? ทำไมจึงต้องยอมเป็นฝ่ายถูกไล่ล่า ถูกจับกุม ติดคุกทรมาน ถูกยิงถึงบ้านเรือน ถูกยิงตามถนนหนทางแต่เพียงฝ่ายเดียว?
   ๒.ประชาชนในท้องถิ่นจำเป็นต้องรู้หรือไม่ว่า ใครคือศัตรูที่อาศัยในท้องถิ่นนี้? มีจำนวนเท่าใด?  มีที่อยู่บ้านเรือนหลับนอนที่ใด?
   ๓. ศัตรูนอกท้องถิ่นสามารถจู่โจมมาทำร้ายประชาชนในหมู่บ้าน/ชุมชนนี้ได้หรือไม่? ประชาชนจะคิดมาตรการป้องกันตัว หรือลงมือเข้าจัดการก่อนได้หรือไม่? หรือจะตั้งรับ รอเป็นฝ่ายถูกกระทำ?
   ๔.ประชาชนจำเป็นต้องจัดทำบัญชีศัตรูของประชาชนบ้างหรือไม่? ทำอย่างไร? เพื่อใช้ทำอะไร? จะแยกประเภทความรุนแรงหนักเบากี่ระดับ และมีมาตรการจัดการกับศัตรูแต่ละประเภทอย่างไร? ลำดับขั้นตอนการจัดการ อย่างไร? จังหวะก้าวขั้นตระเตรียม ขั้นลงมือทำงาน และขั้นตอนหลังปฏิบัติงานเป็นอย่างไร?
   ๕.การได้มาซึ่งข้อมูลรายชื่อศัตรู หาได้จากที่ใดบ้าง? ใช้เกณฑ์อะไรแยกมิตร-แยกศัตรู-และประชาชน –จะจำแนกบัญชีบุคคลที่เป็นศัตรูและ บัญชีองค์กร หน่วยงาน สังกัดของศัตรูทางการเมือง เศรษฐกิจผูกขาด วัฒนธรรม จะมีกลไกชื่อหน่วยงานใดบ้าง? หน่วยงานใด มีคนที่โหดร้ายที่สุดอันตรายถึงชีวิตมวลชน หน่วยใดคนใดที่เป็นฝ่ายหนุนช่วยศัตรู เส้นทางสัญจรของศัตรู อาหารเสบียง ธุรกิจ พาหนะของศัตรูมีอะไรบ้าง? หน่วยใดคนใดที่จะแปรเปลี่ยนมาทำร้ายมวลชนได้ในอนาคต? หน่วยใดคนใดที่ชี้เป้าเป็นสายลับ
   ๖.ก่อนการจัดทำบัญชีศัตรู ต้องรู้อะไร? คิดอย่างไร? ทำอย่างไร? ใครจะเป็นผู้ร่วมคิด?ทำร่วมบ้าง? จัดทำตามลำพังคนเดียวได้ไหม? ทำรวมหมู่มีผลดีอย่างไร?  จะรักษาความลับอย่างไร?
   ๗.จะรักษาความปลอดภัยทางบัญชีอย่างไร? จะใช้ประโยชน์อย่างไร? ถ้าจดจำรายชื่อที่อยู่ของศัตรูได้แล้ว และศัตรูมีจำนวนไม่มาก รู้เป้าหมายตรงกันแล้ว ไม่ต้องเก็บบัญชีไว้จะปลอดภัยกว่าหรือไม่?
ถ้าประชาชนได้รับรู้ว่าใครคือศัตรู และประชาชนได้บันทึกในสมอง  สามารถจดจำบันทึกขึ้นบัญชีหนี้เลือดไว้ในจิตสำนึก เก็บเป็นความคับแค้นรอจังหวะล้างบัญชีได้แล้ว ก็ไม่ต้องลงบัญชีในสมุดอีกจะได้หรือไม่?


   ๘.หลักประกันชัยชนะคืออะไร?  จะใช้บัญชีศัตรูเป็นประเด็นริเริ่มชวนกันวิเคราะห์เป้าหมาย-วิเคราะห์สังคมท้องถิ่นร่วมกันจะได้หรือไม่?  
และจะใช้บัญชีศัตรูเป็นเครื่องมือต่อสู้ เพื่อ “เป็นฝ่ายกระทำ” หรือเป็น “ฝ่ายกำหนดเกม”ได้อย่างไร  ?
   ๙.วันเวลาจังหวะก้าวการลุกขึ้นสู้  จัดการล้างบัญชีหนี้เลือดศัตรู ให้พิจารณาดูความพร้อมจากอะไรบ้าง?
   ๑๐.รูปแบบการเคลื่อนกำลังประชาชนเข้าต่อสู้ มีกี่รูปแบบ มีกี่ขนาด มีกี่ภาระกิจ? ใช้กำลังคนแบบไหน? จำนวนอุปกรณ์ และการสนับสนุนก่อน-ระหว่าง-และหลังเสร็จภาระกิจ เป็นอย่างไร?
   ๑๑.การโค่นล้ม กำจัด กวาดล้าง และรักษาการ ต่างกันอย่างไร? มีจังหวะก้าวอย่างไร?
   วิธีการหาข้อมูลศัตรูทำได้หลายวิธี เช่น ระดมสมอง ทำกิจกรรมการกุศลวิ่งผ่านบ้านศัตรูเพื่อชี้เป้า ถ่ายภาพศัตรูที่ปรากฎตัวในงานพิธีหรือกิจกรรมประจำวัน  รวมรวมภาพ-ข้อมูลจากคนที่ทำงานใกล้ชิดศัตรู จากการสัมภาษณ์สอบถามข้อมูลจากคนที่อยู่ในบ้านเรือนศัตรู ค้นหาจากข่าวสารทางสื่อต่างๆ ฯลฯ แล้วรวบรวมบันทึกจัดเก็บไว้ อาจอำพรางปกเอกสารว่า “บัญชีคนดีศรีสังคม” และใช้ชื่อบุคคลโดยย่อ หรือ ใช้ระหัสลับ เป็นต้น

« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ตุลาคม 02, 2014, 04:38:19 PM »
“บัญชีศัตรู” เป็นเรื่องจำเป็นต้องจัดทำให้รู้ตรงกัน อย่างน้อยก็คือ “การศึกษาศัตรูร่วมกัน”แบบรู้เขารู้เราภาคปฏิบัติ ไม่ดีแต่พูด  ซึ่งเท่ากับเป็นการ“วิเคราะห์สังคมท้องถิ่นร่วมกัน” จะเห็นตรงกันหรือไม่? จะเห็นถึงอันตรายจากศัตรูทุกระดับร่วมกันหรือไม่? มาตราการดำเนินการตระเตรียมเอาชนะจะมีหรือไม่? หรือปล่อยไปตามยถากรรม
   บัญชีศัตรูนี้ จะทำให้ประชาชนเห็นตัวตนของศัตรู เห็นการเคลื่อนไหว และเห็นอันตรายจากศัตรู  ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนเป็นฝ่ายกระทำต่อศัตรูทั้งในระยะเตรียมการและวันลุกขึ้นสู้   มิใช่ ไม่รู้ว่าศัตรูคือใคร? อยู่ที่ไหน? ศัตรูจะมุ่งหน้าไปที่ใด?

ไม่ควรเอาแต่รอคอยแกนนำฝ่ายปฏิรูป ที่จะมาเรียกไปชุมนุม ให้ขึ้นรถ แล้วเดินพาหัวไปให้เขายิงทิ้งเปล่าๆ
   สำหรับ การจัดระดับความรุนแรงของศัตรูนั้น โดยทั่วไป มีการระดับจากอันตรายมากไปหาน้อย คือ
๑.สายลับชี้เป้า
๒.ผู้ถืออาวุธ
๓.ผู้บังคับบัญชาศัตรู
๔.กองหนุนต่างๆ
   ศัตรูเหล่านี้ มีทั้งคนที่เป็นศัตรูต่อประชาชนโดยฐานะทางชนชั้นหรือเป็นธาตุแท้ทางชนชั้นที่ดำรงชีพด้วยการกดขี่ขูดรีดคนอื่น ไม่ออกแรงทำมาหากินใดๆ ได้แก่
๑.  สมาชิกในชนชั้นทุนผูกขาดศักดินาเหนือรัฐ
๒. พวกปฏิกิริยา หรือกลุ่มคนที่แวดล้อมชนชั้นทุนผูกขาดฯ ที่เป็นผู้มีสันดานธาตุแท้เป็นภัยต่อประชาชนโดยจิตสำนึกและการกระทำ ขัดขวางประชาชนอยู่เป็นประจำ
๓.พวกสมัครใจ พวกอาสามัครรับใช้ หวังยศ ตำแหน่ง เงินทอง
๔.พวกทำงานอาชีพในหน่วยกดขี่ขูดรีด ทั้งทำหน้าที่กองหน้า เพื่อเข้าเผชิญหน้ารีดไถ ตบทรัพย์ประชาชน  คอร์รัปชั่น ค้ากำไร รีดดอกเบี้ย รีดค่าเช่า เก็บส่วย สมคบกินสัมปทานผูกขาด ขูดรีดค่าธรรมเนียมจากทรัพย์สินประชาชนเข้าส่วนตัว เก็บเงินกินเปล่าในสังกัดทุนผูกขาด ฯลฯ ซึ่งมีทั้งพนักงานภาครัฐและเอกชน
๕.พวกหลงผิด พวกรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งอาจเป็นประชาชนที่ยากจน แต่มีจิตสำนึกจุดยืนเพื่อชนชั้นสูง บางคนได้เคยลงมือทำร้ายประชาชนเพื่อชนชั้นสูงมาแล้ว  และรวมถึงผู้มีหนี้เลือดยิงประชาชน ในเหตุการณ์เรียกร้องประชาธิปไตยต่างๆ ด้วย
๖.พวกหลงผิดเมื่อถูกตักเตือนหรือจับกุมได้แล้ว เกิดสำนึกผิด  ซึ่งยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าจะกลับใจหรือไม่

  ส่วนมาตรการที่จะแก้ไขปัญหาการเอาชนะอย่างเหมาะสมแต่ละระดับความผิดและผลความเลวร้ายนั้น ประชาชน ในแต่ละท้องถิ่น ต้องพิจารณามาตรการอย่างรวมหมู่และเป็นธรรม
ซึ่งต้องมีการจัดลำดับการต่อสู้จัดการกับศัตรูแต่ละกลุ่มแตกต่างกันไป เช่น อาจลงโทษผู้ที่โหดร้ายทารุณที่มีหนี้เลือดหนี้ชีวิตกับประชาชนก่อน เพื่อกระตุ้นการตื่นตัวและประกาศความชอบธรรมทางการเมืองของฝ่ายปฏิวัติประชาชน
จากนั้นอาจจัดการกับหน่วยเศรษฐกิจของศัตรูก่อน เพื่อทำลายกำลังวังชาทางเศรษฐกิจ เช่น จัดการกับโกดังเก็บเงิน เพื่อมิให้ศัตรูมิเงินไปซื้ออาวุธมาฆ่าประชาชนอีก หรือตัดทิ้งสถานที่ เครื่องมือ ท่อ เส้นทาง พาหนะ บุคลากรด้านขูดรีดเพื่อลดปริมาณเงินกำไรไม่ให้ศัตรูมีเงินมาจ้างคนไปยิงมวลชน  และควบคุมหรือหยุดยั้งผลผลิตและกำไรที่ศัตรูได้ถือครองสัมปทานอยู่นั้นให้สนิท  เพื่อเอาทรัพยากรคืนมาเป็นของประชาชนที่ถูกปล้นชิงไป รวมถึงเอาเส้นทางสายดูดสายลำเลียงความมั่งคั่งไปส่งให้ศัตรู ซึ่งน่าจะต้องรีบหยุดยั้งยึดคืนอย่างไม่ลังเลอีกด้วย
   หรือบางแห่งอาจจัดการกับพาหนะเส้นทางสัญจรของศัตรู จัดการกับอุปกรณ์เครื่องใช้ของศัตรู หรือจะจัดการกับบุคลากรที่เป็นศัตรูประชาชนก่อนเพื่อป้องกันตนเองจากโจร  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรูปธรรม และแนวงานของท้องถิ่นเอง

ทั้งนี้ มีหลักการง่ายๆ ว่า 
๑.ศัตรูหรือโจรคือโครงสร้างและบุคลากรของทุนผูกขาดศักดินาเหนือรัฐที่มีอิทธิพลอเมริกา ที่มีจำนวนยกชนชั้น มีบุคลากรนับแสนทั่วประเทศ ทุกท้องถิ่น ที่ร่วมทีมกันกดขี่ขูดรีด-รักษา/ถือครองและร่วมใช้อำนาจกระทำทารุณกรรมประชาชน 
มีการกดขี่ทางการเมืองและขูดรีดทางเศรษฐกิจต่อประชาชนทั้งประเทศ ฉะนั้นประชาชนต้องมีชัยชนะเหนือศัตรู หรือหยุดการใช้อำนาจทุกชนิดของศัตรูไว้ได้ทั้งประเทศ ประชาชนจึงจะรอดตาย มีเสรีภาพ อยู่ดีกินดีด้วยมือประชาชนเอง
๒.ประชาชนที่มีความคิดการต่อสู้ทางชนชั้นสามารถออกแบบการเอาชนะได้เอง แบบรวมหมู่ และแปรงานอาชีพ แปรความใกล้ชิดกับศัตรู ทั้งในลักษณะคนทำงานในบ้านศัตรู คนขับรถ คนทำสวน คนเดินสายไฟให้ คนทำอาหารให้ คนรับจ้าง ลูกจ้าง รวมทั้งคนมีอาชีพไฟฟ้า ประปา ก่อสร้าง ทำครัว แพทย์ พยาบาล คนรับจ้าง แท๊กซี่ฯลฯ ต่างล้วนเป็นอาชีพที่ถูกขูดรีดปล้นชิง และเป็นผู้สามารถเป็นอันตรายต่อศัตรูต่อโจรได้ทั้งสิ้น  ถ้าประชาชนเหล่านั้น ติด”อาวุธความรู้ทางชนชั้น” เป็นประชาชนที่มีสำนึกปฏิวัติทางชนชั้น และได้ผ่านระยะ
๑.การสร้างเอกภาพทางความคิด (ผ่านการศึกษารวมหมู่ ผ่านการอ่านหนังสือหรือฟังทฤษฎีการต่อสู้ทางชนชั้นมาบ้าง ผ่านประสบการณ์เข้าร่วมชุมนุมมาบ้าง ฯลฯ)
๒. เอกภาพทางการปฏิบัติทำกิจกรรมเผยแพร่ความคิด ทำกิจกรรมสำรวจ จัดทำบัญชีศัตรูฯลฯ
๓. เอกภาพทางการจัดตั้ง ซึ่งเป็นช่วงที่ประชาชนสุกงอมทางความคิด มีประสบการณ์ หล่อหลอมจุดยืนทางการปฏิบัติแล้ว ก็เข้าสู้ขั้นเข้าร่วมการจัดตั้งของประชาชนฝ่ายปฏิวัติ และเมื่อถึงวันลุกขึ้นสู้ ประชาชน มวลชน แนวร่วม และนักปฏิวัติจะร่วมบริหารจัดการ”ชำระบัญชีกรรม” กำหนดเนื้องาน กำหนดคนทำงาน กำหนดพื้นที่ เพื่อเข้าสู่กลไกของอำนาจประชาชนโดยอัตโนมัติ หรือกล่าวว่า ประชาชนต้องรู้งานที่จะเข้าร่วมทีมหรือเข้าปฏิบัติการได้เอง ทั้ง ๓ ระยะ คือ
๑.ระยะสะสมชัยชนะ(อาจชำระบัญชีกรรมบางกรณีที่จำเป็นแบบปิดลับ) 
๒.ระยะลุกขึ้นสู้ โค่นล้มฉับพลัน และระยะกวาดล้างปฏิปักษ์ปฏิวัติ 
๓.ระยะเปลี่ยนผ่านอำนาจ เพื่อเอาบุคลากรเดิมที่เป็นโจรปฏิกิริยาอนุรักษ์นิยมออกไป แล้วบุคลากรของฝ่ายประชาชนเข้าสวมแทน รักษาการและสร้างสังคมใหม่ต่อไป
การดำเนินการทางบัญชีศัตรูโดยประชาชนนี้ จะเกิดขึ้นได้ จากประชาชนเองที่มีจิตสำนึกปฏิวัติทางชนชั้น มีความรู้ และการจัดตั้ง มีจังหวะก้าวการต่อสู้ เพื่อติดตามล้างบัญชีหนี้เลือดศัตรู โจรร้ายที่กระทำต่อประชาชนมานานหลายร้อยปีให้เสร็จสิ้นไปเสียก่อน  จึงจะก้าวสู่สังคมใหม่ มีอนาคตที่ดี มีหลักประกันชัยชนะอย่างมั่นคง.

ตัวอย่าง บัญชีกรรม (ใช้เป็นแนวคิด แนวอภิปราย แนวทางจัดทำเบื้องต้น)



หมายเหตุ การแบ่งประเภทโจรหรือบุคคล และองค์กรที่เป็นศัตรูของประชาชน ให้ตรงเป้าหมายนั้น  ควรพิจารณาตามหลักทางวิชาการในบทที่ ๔ว่าด้วยกลไกรัฐ  และ ๖ ว่าด้วยปฏิปักษ์ปฏิวัติ  ประกอบด้วย

No comments:

Post a Comment

Note: only a member of this blog may post a comment.