เมื่อรัฐไทยจะเอามหาวิทยาลัยออกนอกระบบ
เมื่อใช้ทัศนะทางชนชั้นหันไปมองรอบโลก แล้วหันมามองประเทศไทยจะเห็นได้ว่าความคิดที่จะเอามหาวิทยาลัยออกนอกระบบนั้น มีผลดี-ผลเสียอย่างไร? สมควรหรือไม่?
ข้อดีของการออกนอกระบบ
- การบริหารคล่องตัวกว่าเดิม เพราะไม่มีระบบราชการที่รุงรัง
- อาจารย์-นักวิชาการมีอิสระมากขึ้น ไม่ขึ้นตรงต่ออำนาจในกรม-กระทรวง แสดงความเป็นวิชาการได้เต็มที่(และก็แสดงความเป็นนักวิชาการที่ทรยศต่อวิชาการ-ต่อสังคมได้เต็มที่เหมือนกัน)
- อาจารย์-เจ้าหน้าที่มหาลัยมีรายได้-ค่าตอบแทนมากขึ้น
ข้อเสียของการออกนอกระบบ
- คนจนเข้าถึงการศึกษาได้ยากขึ้นเพราะค่าเล่าเรียนจะเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย จริงอยู่อาจจะมีการแจกทุนการศึกษาให้เรียนฟรี แต่แจกปีละกี่ทุน คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ ที่สุดแล้วลูกคนจนส่วนใหญ่นั่นแหละลำบาก
- “รัฐต้องเป็นผู้จัดการศึกษาให้กับประชาชน” รัฐที่ดีจะต้องยึดหลักปรัชญานี้ ไม่ใช่เอาเรื่องย่อย(คล่องตัวกว่า-ค่าตอบแทนที่เหมาะสม)มาทำลายปรัชญาหลัก ในหลายประเทศมีการจัดการศึกษาให้ประชาชนฟรีจนถึงปริญญา บางประเทศให้เรียนฟรีจนถึงระดับด๊อกเตอร์ เรียนฟรีทั้งให้ที่พัก-อาหาร-เครื่องแต่งกาย-และเงินใช้สอยระหว่างเรียน เป็นแบบนี้ทั้งในประเทศสังคมนิยมหรือทุนนิยมที่ดี แต่รัฐไทยกลับโยนปัญหานี้ไปให้คนยากจนที่ต้องดิ้นรนรับผิดชอบเอาเอง ทั้งๆที่บุคลากรที่เรียนจบนั้นก็จะต้องออกไปรับใช้ชนชั้นทุนนิยมผูกขาดที่ขูดรีดพ่อแม่พวกเขาและตัวเขานั่นเอง
มูลค่าทรัพยากรที่มีมากมายในประเทศใครเอาไป? การกินมูลค่าส่วนเกินจากคนไทยใครคือผู้กระทำ? การทุจริตในการบริหารภาษีประชาชนของหน่วยงานรัฐ การซื้ออาวุธที่ไร้ความจำเป็นของทหารและเต็มไปด้วยการคอรัปชั่น นั่นแหละคือตัวการทำลายอนาคตทางการศึกษาของเยาวชนไทยที่แท้จริง
“การให้มหาวิทยาลัยออกนอกระบบ จึงถือเป็นการกระทำของรัฐที่ล้มเหลวแสดงให้เห็นว่า ผู้ถืออำนาจรัฐไม่รับผิดชอบต่อประชาชน มองประชาชนเป็นเพียงแรงงานที่ต้องทำงานให้ และต้องส่งมูลค่าส่วนเกินของสังคมที่ผลิตได้จากแรงงานและทรัพย์ของส่วนรวม ให้พวกชนชั้นทุนผูกขาดศักดินาเหนือรัฐและชนชั้นทุนผูกขาดสวามิภักดิ์กลุ่มต่างๆกอบโกยไปเท่านั้น”
จ่ากเพจ/กีรวัฒณ์ สมชัย รักประชาชน
No comments:
Post a Comment
Note: only a member of this blog may post a comment.