Sunday, 31 May 2015

โน่นๆๆพี่น้องไทยทุกท่าน ปิโตรเลียม หมาคาบไปแดก แล้ว

ดีใจ-เสียใจกับข่าวคุณแม้วถูกยึดพาสปอร์ตถอดยศกันพอหรือยัง โน่นพรบ.ปิโตรเลียม หมาคาบไปแดก แล้วววว

https://www.facebook.com/605419889485777/photos/a.608891892471910.1073741828.605419889485777/1063915390302889/?type=1&theater

อาศัยการปล่อยข่าวให้แมงเม่าเข้าไปมุง แล้วกลุ่มทุนผูกขาดพลังงานก็ใช้จังหวะนี้วิ่งราวพรบ.ปิโตรเลียมที่ยังร่างไม่เสร็จไม่เสนอฉนับที่มีตัวแทนประชาชนร่วมร่าง แล้วมันก็เสนอฉนับที่พวกมันฝ่ายทุนผูกขาดพลังงานเขียนแต่เพียงฝ่ายเดียว ตอนนี้ผ่านแบบวิ่งราวไปถึงกฤษฎีกาเรียบร้อยแล้ว เรียกว่าหน้าไม่ด้านอย่างที่สุด ทำแบบนี้ไม่ได้

บอกได้เลยว่ารอบนี้ประชาชนหมดตูดแน่ ไม่มีอะไรเหลือไปถึงลูกหลาน หากไม่กล้าที่จะออกมาสู้ ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหนก็ตามที่คิดจะปล้นประชาชนแบบนี้ ไร้ความเป็นคนแบบนี้ ไม่เห็นหัวประชาชนคนในชาติ มันต้องแหลกรานกันไปข้าง อย่าคิดว่าเอาปืนกดหัวประชาชนแล้วจะปล้นอย่างไร้ความเป็นคนอย่างไรก็ได้...


จากเพจ /สมชัย กีรวัฒณ์ 30.5.2015

โลกของควาย(เห้อเมื่อไรจะเป็นโลกของคนบนผลประโยชน์ของตัวเอง)

โลกของควาย

ตอนนี้ในหน้าเฟสบุ๊คเต็มไปด้วยควายแดง-ควายเหลืองกำลังขวิดกันด่ากัน ที่ด่ากันก็ไม่รู้จักกันมาก่อนด้วยนะ ไม่เคยโกรธไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อนด้วยซ้ำไป แต่ด่าส้นตีนบนหัวที่อีกฝ่ายบูชา ส้นตีนของมึงโกง ส้นตีนบนหัวกูดีกว่า ส้นตีนของกูต่างหากที่เก่งกว่า ล้วนตั้งหน้าตั้งแต่โจมตีส้นตีนบนหัวของกันและกัน

ในความเป็นจริงแล้วโลกแห่งทุนนิยมผูกขาดมันเกี่ยวพันธ์กับทุนจักรวรรดินิยมไปทั่วโลก นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ก็สามารถซื้อหุ้นที่ไหนๆในโลกได้ทั้งนั้น ส้นตีนของควายแดงและควายเหลือง ก็ล้วนแต่เป็นทุนนิยมผูกขาดด้วยเช่นกันใช้เครื่องมือชนิดเดียวกันหากิน เพียงแต่อีกฝ่ายอยู่ในฐานะแชมป์เก่าส่วนอีกฝ่ายอยู่ในฐานะขอกราบกิน เขาอาจจะมีความขัดแย้งกันทางด้านการเมืองการปกครองบ้าง แต่การหากินทางด้านเศรษฐกิจเขาไม่เคยขัดแย้งกัน กลับอยู่ในลักษณะที่ต้องพึ่งพารักษาระบอบการขูดรีดประชาชนเสียด้วยซ้ำไป

การรัฐประหาร2557ฝ่ายทุนนิยมผูกขาดทั้งหลายเห็นพ้องต้องกันว่า จำเป็นเหลือเกินที่ต้องมีรัฐบาลที่มีลักษณะพิเศษมีอำนาจเต็มเข้ามาจัดการแกะเอาทรัพย์สมบัติไปจากมือคนไทยให้ได้ เพราะรัฐบาลปกติไม่สามารถจัดการได้นั่นเอง จึงไม่เกิดการต่อต้านการรัฐประหารจากฝ่ายทุนกราบกินเลย ทั้งๆที่ยังเป็นรัฐบาลและมีเครื่องมือที่จะต่อต้านการรัฐประหาร

อาศัยช่วงที่ควายแดงและควายเหลืองกำลังขวิดกันมันส์หยดเต็มหน้าเฟสบุ๊ค ส้นตีนที่อยู่บนหัวของควายเหลืองและควายแดงต่างก็จับมือกันเพื่อจะเปิดสัมปทานพลังงานรอบใหม่รอบที่21กันแล้ว เช่นเมื่อครั้งรัฐประหารปี49ในปี50ฝ่ายทักษิณก็ยังได้สัมปทานน้ำมันรอบที่20ด้วยเช่นกันเรียกว่าอิ่มหมีพีมันกันทุกฝ่ายยกเว้นพวกควาย

ฝ่ายแนวทางที่สามที่ไม่มีส้นตีนบนหัว มีแต่การเชิดชูประชาชนที่เป็นผู้สร้าง ผู้ทำ ผู้หาเลี้ยงสังคมตัวจริงมองควายทั้งคู่ขวิดกันด้วยความเอือมระอา เมื่อไหร่ควายเหล่านี้จะมองเห็นผลประโยชน์แห่งชนชั้นตน ยกชนชั้นประชาชนเป็นผู้ที่ต้องเชิดชูสูงสุดของสังคมนี้ ประชาชนจะต้องเป็นผู้ใช้อำนาจเองทางตรง ไม่ผ่านตัวแทนของส้นตีนควายเหลืองและตัวแทนส้นตีนควายแดงอีกต่อไป

แนวทางที่สามกำลังสร้างแนวรุกอย่างเข้มข้น เพราะประชาชนเริ่มเห็นแล้วว่า ที่ผ่านมาควายทั้งสองขวิดกัน คนในชาติไม่ได้อะไรเลยและเข้าร่วมกับแนวทางที่สามเป็นจำนวนมากขึ้นๆ ประชาชนเริ่มรู้ว่าแนวทางที่สามจะทำให้ความมั่งคั่งจากทรัพย์ส่วนรวมตกถึงมือประชาชนเพราะมันมาจากอำนาจประชาชนที่มีเจตนา มีความรู้ มีจุดยืนทางชนชั้น มีการจัดตั้ง มีฝีมือร่วมกันต่อสู้ และมันไม่มีวันที่จะหลุดไปจากมือของประชาชนได้อีก


จากเพจ/สมชัย กีรวัฒณ์ 31.5.2015 



Saturday, 30 May 2015

กรรมาชีพยุคใหม่ เกิดขึ้นเมื่อใด???

กรรมาชีพยุคใหม่ เกิดขึ้นเมื่อใด??? มีเมื่อการผูกขาดเศรษบกิจครบวงจร- กรรมาชีพยุคเก่า ยังพอมีปัจจัยการหากินได้เองบางอย่าง/// แต่ยุคใหม่ได้เป็นทาสแบบใหม่เร่ร่อนจายแรงบ้าง เร่ร่อนเก็บขยะย้าง ออกขี่มอร์ไซด์รับจ้าง ทำธุรกิจขึ้นต่อทุนผูกขาด จ่ายค่าแผงเช่า ฯลฯ
กู้เงินจากธนาคารของนายทุน ซื้อวัตถุดิบจากทุนผูกขาดมาแปรรูขายในตลาดผูกขาด ฯลฯ
อาการสิ้นสภาพความเป็นมนุษยฺ์มากขึ้นทุกที (เหมือนขึ้นไปทุกที-หมาเลี้ยงในบ้านนายทุนผูกขาด หมายเร่ร่อนรับจ้าง)
คนไทยส่วนใหญ่เป็นเจ้าของร่วมในทรัพยากรต่างๆ เงิน กำไร ทางด่วน ภูเขาแม่น้ำ แร่ธาตุ น้ำมัน แก็ส ฯลฯ ถูกปล้นชิงไปหมด
ยากจนบนแผ่นดินที่มั่งคั่ง
ถูกโจรปล้นแต่มองไม่เห็นโจร
มองเห็นโจรแต่ไม่รู้วิธีปราบโจร
ฉะนั้นควรเริ่มด้วยการแชร์และขยาย หรือสร้างภาพของประชาชน ให้เสียงร้องทุกข์ของฝ่ายประชาชนดังๆ ขึ้น ความเจ็บปวดของประชาชนต้องดังกว่าเสียงเจ็บปวดของทักษิณ ที่ลำบาก ไม่รู้จะแดกที่ภัตราคารไหนดี-เสียงปัญหาของคนจนต้องดังมากกว่าสดุดีศักดินา นี่คือโจทย์ที่คนไทยควรร่วมกันต่อสู้

จากเพจ /หมอผ่าตัดรักษาโรคถูกขูดรีดทางชนชั้น 29/5/2558



ความจริงเอทานอล E100

ความจริงเอทานอล E100

ดูราคาเอทานอลของไทยเมื่อเทียบกับของประเทศบราซิลแล้วปวดตับ https://www.facebook.com/605419889485777/photos/a.608891892471910.1073741828.605419889485777/1062433040451124/?type=1&theater ราคาของไทยลิตรละ 26บาทในขณะที่ราคาของบราซิลลิตรละ 15บาท แพงกว่ากันถึง11บาท/ลิตร อย่าคิดว่าราคานี้เกษตรกรจะมีรายได้เพิ่มนะครับ เปล่าหรอกเกษตรกรไทยก็ได้พอๆกับเกษตรกรบราซิลนั่นแหละ แต่สันดานนายทุนผูกขาดพลังงานของไทยมันเอากำไรจนหน่ำใจนั่นแหละ โดยมีข้าราชการกระทรวงพลังงานและองค์กรต่างๆที่เกี่ยวข้องคอยอำนวยความสะดวกในการขูดรีดประชาชนให้

ทำไมประเทศไทยไม่ยอมให้มีเอทานอลE100สำหรับรถยนต์ ประเทศบราซิลเขาใช้E100มาเป็นสิบๆปีแล้วนะครับ และค่ายรถยนต์ก็ผลิตเครื่องยนต์แบบนี้ได้แทบทุกค่าย “จีเอ็มพร้อมที่จะผลิตรถยนต์ใช้พลังงานทดแทนออกมารองรับ และปัจจุบันเราได้มีการผลิตรถใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอี100 ที่ประเทศบราซิลอยู่แล้ว ซึ่งการปรับเทคโนโลยีรับน้ำมันอี85 มาเป็นน้ำมันอี100 ไม่ยากเหมือนกับการพัฒนาจากรถใช้น้ำมันอี10-20 มาเป็นรถใช้น้ำมันอี85 ดังนั้นหากมีการผลักดันน้ำมันอี100 โดยเร็วจะส่งผลดีกับประเทศไทย ส่วนรัฐบาลไทยจะพร้อมเมื่อไหร่ คงไม่สามารถให้คำตอบได้ แต่จีเอ็มยืนยันพร้อมที่จะผลิตได้ทันที หรือใช้เวลาพัฒนาเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น” แอพเฟลกล่าว http://www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9540000077174

หากยอมให้คนไทยใช้E100จะเกิดอะไรขึ้น? สิทธิ์ในการขายพลังงานให้คนไทยจะหลุดจากมือของกลุ่มทุนผูกขาดพลังงานทันที เรียกว่า"โซ่ของการผูกขาดพลังงาน"จะหลุดเลย จะเกิดธุรกิจกลั่นเอทานอลขายโดยที่กลุ่มทุนผูกขาดพลังงานควบคุมไม่ได้ การหันไปพึ่งพาพลังงานที่มาจากฟอสซิลก็จะลดลงเพราะเอทานอลราคาถูกกว่า ชาวบ้านผลิตได้เอง(หากมีเครื่องกลั่นที่ดี) เกษตรกรก็จะได้ราคาผลผลิตดีเพราะต่างแย่งกันซื้อเข้าโรงกลั่นเอทานอล กลุ่มทุนผูกขาดพลังงานจึงทุบโต๊ะบอกว่ายอมให้มีE100ไม่ได้โดยเด็ดขาด ทุกส่วนราชการและทุกองค์กรของไทยภายใต้อิทธิพลมืดเหนือรัฐที่ครอบงำสังคมไทยมานานแสนนาน จึงกระทืบประชาชนสนองตัณหากลุ่มทุนผูกขาดเพื่อการขูดรีดซิบๆกับคนไทย

เอางี้ก็แล้วกันเดี๋ยวจะหาว่าใจดำไม่ให้มีเอทานอล เอาE85ในราคานายทุนโขกสับจนหนำใจไปใช้ก็แล้วกัน(ราคาE85จริงๆแล้วประมาณ32บาท/ลิตร ที่เราเห็นราคาหน้าปั๊ม24บาท/ลิตรเพราะไปเอาเงินก้อนอื่นของประชาชนมาเติมหรือจะเรียกว่าเอาหนี้ไปใช้สินนั่นเองก็เงินประชาชนเหมือนเดิม เพื่อหลอกลวงประชาชนให้เห็นว่ามันราคาถูก) และการใช้E85มันยังอยู่ในมือของกลุ่มทุนผูกขาดพลังงานเหมือนเดิม คิดจะใช้E100หรอ อย่าฝัน เพราะคนประเทศนี้อยู่ภายใต้ส้นตีนกลุ่มทุนนิยมผูกขาด อยู่แล้ว หมูในอวย

ใครซวย? ก็คนไทยทุกคน เกษตรกรไทย ต้องอยู่ภายใต้อิทธิพลการกดขี่-ขูดรีดของพวกมันอย่างต้องจำนน เลือกไม่ได้


จากเพจ/สมชัย กีรวัฒฯ์จัดเพื่อประชาชน30.5.2015
...

Thursday, 28 May 2015

ข้อเท็จจริงที่ควรรู้ เกี่ยวกับ "ทักษิณ"

ข้อเท็จจริงที่ควรรู้ เกี่ยวกับ "ทักษิณ"
ปกติผมไม่เคยขอให้ใครแชร์อะไร แต่ครั้งนี้เพื่อบ้านเมือง อยากให้ช่วยแชร์กันเยอะๆครับ พี่น้องที่ยังไม่รู้ จะได้รู้ข้อมูลเหล่านี้ ล้วนเป็นข้อเท็จจริงทั้งสิ้น แล้วเลือกตั้งครั้งใหม่ ลองตัดสินใจดู อยากได้คนแบบนี้ มาอยู่เบื้องหลังการบริหาร ประเทศรึเปล่า ก่อนหน้านี้ ทักษิณ ก็เป็นเหมือนคนปกติทั่วไปที่อยากจะร่ำรวย
เริ่มจากการอยากร่ำรวยทางลัด ยุคปฏิวัติ รสช สมัยสุนทร คงสมพงษ์....ทักษิณ ก็ให้เงินทหารที่ปฏิวัติ เพื่อแลก สัมปทานมือถือแบบง่ายๆ ... "ยัดเงินทหาร ไม่ต้องประมูลสัมปทานอย่างยุติธรรม ให้มันยุ่งยาก" หลังจากทักษิณได้สัมปทาน รัฐฯ จากการยัดเงินใต้โต๊ะแล้ว ทักษิณก็เริ่มอยากปกป้องผลประโยชน์ตัวเอง เพราะการมีอำนาจเอง ก็คงดีกว่าการคอยพึ่งบารมีผู้มีอำนาจ นักการเมือง ข้าราชการที่คอยแต่จะรีดไถ่ ทักษิณก็เลยโดดมาเล่นการเมือง เพื่อการมีอำนาจซะเองเลย
เริ่มที่พรรคพลังธรรม ทำหน้าที่เป็นนายทุนให้พรรค เติบโตมาพร้อมๆ กับ เจ้หน่อย ซึ่งสมัยนั้น ยังไม่ได้มีชื่อเสียงมากนัก ถือเป็นนักธุรกิจไฟแรง ที่ผันตัวเองมาเล่นการเมือง เมื่อทักษิณเล่นการเมืองมีอำนาจรัฐฯ อยู่ในมือแล้ว เป็นรองนายก แม้ไม่ถึงขั้นเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ก็เห็นช่องทางแห่งความร่ำรวย
--เริ่มจากตัดลดงบประมาณต่างๆ ทำองค์กรโทรศัพท์ให้อ่อนแอ ขาดงบประมาณในการซ่อมแซมดูแล ใช้งานไม่ได้มากๆ เข้า ก็เป็นการบีบประชาชนโดยทางอ้อมให้จำเป็นต้องซื้อโทรศัพท์มือถือ เพราะยุคนั้นตู้โทรฯสาธารณะแทบจะใช้ไม่ได้ซักตู้
--พอทักษิณเล่นการเมืองไปนานๆ เข้า ก็เห็นว่าอำนาจรัฐมีประโยชน์ สร้างความร่ำรวยให้ได้มากมาย ความคิด... ก็เข้าครอบงำ จากนั้น..... ตามมาๆ
--ยุคนายก จิ๋ว ฟองสบู่แตก + ลดค่าเงินบาท ยุคนั้น ทักษิณ เป็นรองนายกรัฐมนตรี และเป็นหนึ่งในผู้ร่วมเสนอให้ ชวลิตลดค่าเงินบาท ซึ่งถือเป็นผู้รู้ข้อมูลภายในล่วงหน้า (insider) .... ทักษิณ ได้ใช้ข้อมูลนั้นในการดำเนินการประกัน ค่าเงินของ ทรัพย์สินและบริษัท ในตระกูลของตนเองและพวกพ้องทั้งหมดไว้ แค่นั้นยังไม่พอ.. ทักษิณและพวกพ้องกลุ่มนายทุนใหญ่ ระดับชาติ ใช้กลยุทธการ "ไซฟ่อนเงิน" เพื่อความร่ำรวย และซ้ำเติมความหายนะของชาติให้มากขึ้นไปอีก เพรายิ่งไทยหายนะเท่าไหร่ ค่าเงินบาทไทยก็ยิ่งลดลงไปมากเท่านั้น ซึ่งก็คือ...
--ทักษิณและพวกพ้อง ใช้วิธีกู้เงินจากสถาบันการเงินต่างๆ ในประเทศให้ได้มากที่สุด แล้วนำไปแลกดอลล่าร์ไว้ เพราะรู้ข้อมูลล่วงหน้าว่า จะมีการประกาศลดค่าเงินบาท และเมื่อชวลิตลดค่าเงินบาทตามคำแนะนำของกลุ่มทักษิณ.. ค่าเงิน จาก 25 บาทต่อ 1 ดอลล่าร์ ก็ดิ่งลงสู่หายนะในเวลาอันรวดเร็ว โดยต่ำสุดอยู่ที่ 58 บาท ต่อ 1 ดอลล่าร์ ....... ทักษิณ และพวกพ้อง ก็เอาดอลล่าร์กลับมาแลกคือเป็นเงินบาทไทย "กำไรทันทีเกิน เท่าตัว!!!!"
--ทฤษฏีของ สสาร ง่ายๆ คือ สสารไม่มีวันหายไปจากโลก เหมือนเม็ดทรายในท้องทะเล แค่ย้ายจากที่หนึ่งไปสู่อีกที่หนึ่งเท่านั้นเอง ความร่ำรวย และยากจนก็ไม่ต่างกัน... เมื่อทักษิณ และพวกพ้องมีกำไรจากการประกันค่าเงิน และ ไซฟ่อนเงินเป็นมูลค่ามหาศาลเกิน 100% คนที่ขาดทุนก็คือประชาชนคนไทย และ ธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งจริงๆก็เหมือนมีเงินในกระเป๋าเท่าเดิม แต่ค่าของเงินหายไปเกินครึ่ง!!!
--ทักษิณและพวก ร่ำรวยขึ้นเป็นเท่าตัว บนความยากจนลงๆ ของประชาชน ทั้งประเทศ จากการลดค่าเงินบาทในครั้งนี้ คราวนี้ทักษิณก็มีทุน กระสุนดินดำ ไว้ใช้ในการเล่นการเมืองเต็มตัวแล้วสิ..... ทักษิณก็เริ่มใช้เงินที่ได้มา ซื้อพรรคการเมืองต่างๆ กวาด สส.พรรคต่างๆ เข้าพรรคของตัวเอง เพราะเวลาทักษิณจะออกกฏหมายหรือเปลี่ยนแปลงกฏหมายอะไร จะได้มี สส. ลูกน้องคอยยกมือโหวดผ่านร่างในสภา ให้กฏหมายผ่านง่ายๆ ตามแต่ใจที่ต้องการ
--หลังจากทักษิณกวาดต้อน ใช้เงินซื้อ สส.ที่ขายตัวมาเป็นลูกน้องคอยยกมือให้ในสภาแล้ว ก็เริ่มจัดการแก้กฏหมายต่างๆ เพื่อเอื้อประโยชน์ เพื่อสร้างความร่ำรวยให้ตัวเองก่อนเลย โดย ทักษิณแก้กฏหมาย วิธีการจ่ายภาษีสัมปทานมือถือให้รัฐฯ โดยให้ บ. ตัวเองจ่ายน้อยลง ทำให้รัฐสูญเสียเงินรายได้ จากการจัดเก็บภาษีสัมปทานมือถือในทุกๆปี เป็นจำนวนเงินหลักหมื่นล้าน/ต่อปี...
--ผลจากการแก้กฏหมายดังกล่าว ......."รัฐฯจะสูญเสียรายได้ส่วนนี้ไปอีกนานแสนนาน" เป็นไงละ...ก็ เพราะทักษิณคุมอำนาจรัฐฯไว้ในมือ แต่ในขณะเดียวกัน ครอบครัวของทักษิณก็ดันทำธุรกิจกับภาครัฐฯ ไปด้วย... แล้วคิดว่า ทักษิณจะอยากให้รัฐฯได้ประโยชน์มากกว่า หรือ อยากให้ครอบครัวตัวเองได้ประโยชน์ มากกว่าหละ แน่นอนเมื่อสัญญาถูกแก้ ให้ครอบครัวทักษิณจ่ายภาษีมือถือน้อยลง รัฐก็จะมีเงินรายได้เข้าคลังน้อยลง เงินที่จะนำไปใช้ในการบริหารประเทศ ช่วยเหลือคนจนก็จะน้อยลง ยิ่งช่วงนั้น ไทยประสบปัญหา ฟองสบู่แตก ด้วย เงินในคลังก็ยิ่งน้อยลง
--ที่นี้ ทักษิณอยากได้เงินเข้าคลังเยอะๆ เพราะทักษิณเป็นรัฐบาลจะได้เอาเงินไปใช้จ่ายโครงการต่างๆ เพื่อให้พวกพ้องโกงกิน แต่ไทยยังติดหนี้ IMF และยัง มีเงินในคลังน้อยอยู่ แล้วทักษิณจะทำไงดีละ.... ตามมาๆๆ ก็ขายสมบัติชาติไง เพราะพอขายแล้ว ชาติจะได้มีเงินเข้าคลังเยอะๆ ทักษิณและพวกพ้อง สส.จะได้เอาไปถลุง + โกงกินทุกโครงการให้สบายใจ
--โดยเริ่มจากขาย ปตท. ซึ่งเดิมที ปตท.เป็นรัฐวิสาหกิจ หรือเรียกง่ายๆว่า ธุรกิจของรัฐฯ 100% ซึ่งหมายความว่า.."กำไร" จากการขายน้ำมัน /ปิโตรเคมี /อะโรเมติค /พาราไซรีน ฯลฯ ทุกอย่างทุกชนิด ทุกบาท ทุกสตางค์ ของ ปตท จะกลับเข้าคลัง ไปเป็นงบประมาณของรัฐฯ เพื่อนำเงินนั้น กลับมาบำรุงชาติ/ประชาชน แต่ทักษิณก็ขาย... ซึ่งนั้นหมายความว่า กำไรจาก ปตท ที่ รัฐฯ เคยเก็บได้ทุกปี 100% เต็ม "ตลอดอายุประเทศไทย".... จะไม่ได้เท่าเดิมอีกแล้ว เพราะต้องเอากำไรของชาติ ไปแบ่งให้ผู้ถือหุ้นด้วย ประเทศไทยจะสูญเสียรายได้ในส่วนนี้ตลอดไป แถมทักษิณยังขาย ปตท. แบบโกงราคาสัดส่วนหุ้นต่อหน่วยลงทุนด้วย!! งง มั้ย คืองี้....
--ปตท คือรัฐวิสาหกิจของประเทศ ประชาชนทุกคนเป็นเจ้าของ เราเลือก สส + นายกมาเป็นผู้บริหารประเทศ หรือเรียกง่ายๆว่า ตัวแทน "ผู้จัดการมรดก" ทีนี้เมื่อทักษิณเป็นรัฐบาล เป็นนายก เป็นผู้จัดการมรดกของชาติ ก็มีความคิดเอาทรัพย์สินของชาติไปขาย เพื่อให้มีเงินเข้าคลังเยอะๆ แทนที่ทักษิณจะขายให้ได้กำไร หรือ อย่างน้อยเท่าทุน เพื่อให้ชาติได้เงินตามสมควร... แต่ทักษิณเอาสมบัติชาติไป.. "ขายขาดทุน โดยให้พวกพ้อง ญาติ เป็นคนซื้อ"
--ทักษิณให้ญาติ และพวกพ้อง สส.ของพรรค ซื้อสมบัติชาติ จนหมด และในราคา ต่ำกว่าต้นทุนหลายๆเท่า ดังตัวอย่างเช่น ประชาชน"คนแรก"ที่ไปรอต่อแถวซื้อหุ้น ปตท ตั้งแต่ตี 4 แค่กรอกใบสมัคร 1.14 นาที หุ้นก็หมดไปแล้ว... แต่ผู้ที่ได้มีสิทธซื้อหุ้น เป็นจำนวนหลายล้านหุ้นต่อคน กลับเป็นคนในนามสกุลที่เรารู้จักกันดีทั้งนั้น ทั้งๆ ที่กฏหมายห้ามซื้อเกินคนละ 1 แสนหุ้น??? แถม...ราคาหุ้นที่พวกทักษิณได้มีสิทธิซื้อนั้น ต่ำกว่าราคาของความเป็นจริง หรือเรียกง่ายๆ ว่าให้ญาติซื้อสมบัติชาติ ในราคาต่ำกว่าต้นทุนนั้นเอง
--ผลที่ได้คือ พวกพ้อง ญาติร่ำรวย +ประชาชนไม่รับรู้ + ประเทศชาติ (พูดไม่ได้)ขาดทุน .......และยังมีเงินจากการขาย ปตท ครั้งนี้ เข้าคลังไปถลุง ซึ่ง..."น้อยกว่าที่ควรจะเป็น" อีกต่างหาก....เฮ้อ. นั้นคือ สาเหตุ ที่ราคาหุ้น PTT ณ.วันเปิดเข้าตลาดหลักทรัพย์ กับวันนี้ราคาสูงขึ้น เป็น 10 เท่าตัว.... กำไร 1000%
--สรุป ทักษิณบริหารสมบัติชาติ -- ชาติ (ประชาชน )ขาดทุนย่อยยับ ญาติ พวกพ้องมัน ร่ำรวย เพราะซื้อสมบัติของชาติต่ำกว่าทุน ... หน้าทีอีกอย่างของ ปตท คือ คอยถ่วงดุล + กดดัน + ควบคุมระดับราคาน้ำมันภายในประเทศ ไม่ให้แพงเกินจริง ซึ่ง...
--ว่าง่ายๆ ก็คือ ถ้า ปตท ไม่ขึ้นราคาน้ำมันซะอย่าง แล้ว บ.น้ำมันข้ามชาติ เช่น เชล เอสโซ่ คาร์เทค จะขึ้นราคาน้ำมันมากแค่ไหนก็ตามใจ เพราะไม่มีใครอยากไปเติมของแพง เมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้า ปตท พยายามกดดันราคาน้ำมันไว้ พวก บ.น้ำมันข้ามชาติทั้งหลาย ก็ไม่กล้าจะขึ้นราคาน้ำมันให้แพงเวอร์นัก เพราะ ประชาชนก็จะมีทางเลือกเติม ปตท ที่คิดราคาน้ำมันถูกกว่า ทีนี้ลองคิดตามนะ......
--ถ้า พวกทักษิณ เป็นรัฐบาล ควบคุมกลไกรัฐ ควบคุม ปตท.มีหน้าที่คอยถ่วงดุล+กดดัน+ควบคุมระดับ ราคาน้ำมันภายในประเทศ ไม่ให้แพงเกินจริง.."แต่ขณะเดียวกัน พวกทักษิณ ก็ดันถือหุ้น ปตท ไปด้วย" ??? --นั้นหมายความว่า..."ถ้า ปตท กำไรมาก พวกทักษิณก็จะกำไรมากๆด้วย !!!" แล้วทักษิณ และพวกพ้อง ซึ่งเป็นผู้ควบคุมกลไกรัฐฯ จะอยากทำให้น้ำมันแพงหรือถูกดีหละ....??? เพราะถ้าทักษิณ ทำตามหน้าที่โดยกดดันให้น้ำมันถูก ประชาชนก็จะได้ประโยชน์ ..แต่พวกทักษิณซึ่งถือหุ้น ปตท อยู่ ....."ก็จะกำไรน้อย" แต่ถ้าทักษิณปล่อยให้น้ำมันขึ้นๆแพงๆๆ ให้ประชาชนจ่ายค่าน้ำมันแพงๆเข้าไว้ โดยไม่คอยควบคุมกดดัน พวกทักษิณที่ถือหุ้น ปตท ก็จะได้กำไรเยอะตามไปด้วย!!
--จากการขาย ปตท พวกทักษิณ กำไร 3 เด้ง ...คือ
1. กำไรจากการได้ซื้อสมบัติชาติในราคาถูก
2. ปล่อยราคาน้ำมันขึ้นให้ประชาชน เติมน้ำมันแพง พวกทักษิณถือหุ้น ปตท
ก็รวยไปด้วย
3. คลังมีเงินจากการขายสมบัติชาติ มาให้ถลุงเล่น
--นั้นคือเหตุผลที่ว่า น้ำมันทุกค่ายจับมือกันแพง จับมือกันขึ้นราคาไง จากยุคเชาวลิต 12-13 บาทต่อลิตร จน 45-48 บาทต่อลิตร และ... บ. ปตท กำไร ปีละเป็นแสนๆ ล้าน เยี่ยมมั้ย ไอ้ทักษิณ!!
--จากนั้น...รัฐบาลทักษิณ ก็ได้เงินเข้ามาจากการขาย+โกง สมบัติชาติ เข้าคลัง... และ คลังก็มีเงินให้พวกทักษิณเอาไปถลุงเล่นแล้ว... มาดูกันว่าทักษิณ จะทำอะไรได้บ้าง ... ไทยมีเงินให้ถลุงแล้ว แต่ไทยก็ยังมีหนี้ IMF และเสียดอกเบี้ยอยู่ ทำไงดี ให้เอาเงินในคลังไปถลุงง่ายๆ โดยไม่โดนฝ่ายค้านโจมตี และ ประชาชนด่า ทักษิณก็ปลดหนี้ IMF ไง จะได้ดูดี ไม่มีหนี้แล้ว เก่งด้วย
--กองทุน IMF เค้าให้ค่อยๆ ผ่อน ค่อยๆ เสียดอก แต่ ทักษิณ ดันจ่ายทั้งต้น ทั้งดอก ทั้งหมดเลยทีเดียว คนจะได้ว่าข้าเก่ง และเอาเงินไปทำอย่างอื่นได้ โดยไม่โดนประชาชนด่า แล้วมันไม่ดีตรงไหนช่ายมะ ..ดูนะ --ต้น+ดอกเบี้ย ทุกปีอะ เค้าให้เราทะยอยจ่าย โดยคำนวนไว้แล้ว เหมือนคุณผ่อนบ้านอะ สมมุติผ่อนบ้านเดือนละ 5 หมื่น ผ่อน 20 ปี .. คำถามก็คือว่า "ค่าของเงิน" 5หมื่นในวันนี้ กับ "ค่าของเงิน" 5หมื่นใน อีก 20 ปีข้างหน้ามีค่าเท่ากันมั้ย...คำตอบคือ...ไม่เท่าแน่ๆ
--ถ้าให้จ่ายแบบปิดเงินต้น แล้วดอกมาคิดกันใหม่ก็ว่าไปอย่าง เหมือนเราจะเทบ้าน เทต้น อะไรแบบนี้ แต่ถ้าต้องรวบยอด ทั้งต้นทั้งดอก ทั้งหมดจ่ายเลยวันนี้ "ค่อยๆผ่อนไปไม่ดีกว่าเหรอ" อีก 20 ปีข้างหน้า ถึงเราจะต้องจ่ายเท่าเดิม แต่ ค่าของเงินก็เปลี่ยนไป ก็เหมือนเราจ่ายจำนวนเงินเท่าเดิม แต่ค่าของเงินนั้น น้อยลง แต่รู้มั้ย ทักษิณทำเพื่ออะไร???
--คำตอบก็คือ ทักษิณต้องการให้ธนาคาร เอ็กซิมแบ้งค์ของรัฐ ปล่อยกู้พม่า ค่อนหมื่นล้าน โดยทักษิณตกลงกับพม่า ให้นำเงินก้อนนี้ "กลับมาซื้อสัมปทาน เครือค่ายโทรศัพท์ของตระกลูชินวัตรไง" ....รัฐบาลมีเงินในคลังแล้วนิ รวยแล้ว.. วิธีการก็ง่ายๆ ก็โอน 10% ให้นายพลเผด็จการพม่าใต้โต๊ะ อีก 90% เข้าบัญชีพจมานเลย เพราะกลัวพม่าโกง..แถมปล่อยกู้พม่า โดยคิดอัตราดอกเบี้ย ถูกแสนถูก ถูกกว่าที่ไทยกู้จาก IMF มากนัก
--สรุป ปลดหนี้ จ่ายรวบ ดอกเบี้ย IMF ที่แแพงกว่า มาปล่อยกู้พม่า ในดอกเบี้ยที่ถูกกว่า...เพื่อให้พม่า เอาเงินมาซื้อสัมปทาน มือถือ ของตระกูลตัวเอง หลังจากนั้นก็เริ่ม อภิมหาโครงการโกง ต่างๆ เช่น โคล้านตัว กล้ายาง กองทุนหมู่บ้าน สนุกสนานกันเข้าไป ยกตัวอย่างเด่นๆ ดังต่อไปนี้....
--ดาวเทียมไทยคม เคยรู้กันมั้ย?? --ประเทศแต่ละประเทศ ตามสนธิสัญญาสากล ทุกประเทศ มีสิทธิในการใช้วงจรดาวเทียม ซึ่งแต่ละประเทศได้จำนวนวงโคจร มากน้อยนั้นไม่เท่ากัน... ขึ้นกับสัดส่วนพื้นที่ของแต่ละประเทศ และปัจจัยต่างๆมากมาย ดาวเทียม 1 ดวง สามารถหารายได้ จำนวนมหาศาล จากมัน เพราะขีดความสามารถทางด้านก ารสือสาร ทุกชนิด แล้วมีโครงข่ายสูง.... ทักษิณ เลยจัดการประมูลให้เอกชน เป็นผู้ได้สัมปทาน???
--เงื่อนไข ผู้มีสิทธิเข้าประมูล คุณสมบัติ แต่ละข้อนั้น ทักษิณกำหนดเอง ตั้งข้อจำกัดในเงื่อนไข จนให้ บ. ของตัวเองได้ในที่สุด และกำกับท้ายว่า ผู้ชนะการประมูล ให้ยกเว้น+ลดค่าสัมประทานให้กับรัฐฯ ให้น้อยกว่าที่ควรจะเป็นอีกด้วย !!! รัฐ สูญเสียรายได้ ที่ควรจะจัดเก็บเข้าคลังได้อีกปีละเป็นหมื่นล้าน...รายได้เข้าคลังจะน้อยลง กว่าที่ควรจะเป็นไปอีกหลายสิบปี... ผลจากการประมูลสัมปทานดาวเทียม ซึ่งมีได้เพียงดวงเดียวในประเทศไทย ดังกล่าว ......."รัฐฯจะสูญเสียรายได้ส่วนนี้ ไปอีกนานแสนนาน" อีกแล้ว... FTA
--เกษตรกรทั้งหลาย คงไม่เข้าใจว่าทำไมทุกวันนี้ พืชผลทางการเกษตรถึงตกต่ำ ราคาถูกแสนถูก ถ้าอยากรู้ คุณต้องเข้าใจคำว่า FTA ก่อนนะ มาดูกัน.... เริ่มที่.... "ยุคอดีต" ประเทศแต่ละประเทศ ไม่ได้มีการติดต่อการค้าสัมพันธ์กัน คนในประเทศ มีการเพราะปลูก พืชผล การผลิต ก็มักจะขายกันแต่ภายในประเทศ แน่นอนมันจะเกิดภาวะที่ว่า สินค้าบางอย่างมีปริมาณมากเกินไป แต่สินค้าบางอย่างก็ขาดแคลน
--"ยุคอดีต" สินค้าล้น มีปริมาณมากไปราคาก็จะถูกเพราะเกินความจำเป็น ส่วนสินค้าที่ขาดแคลน ราคาก็จะแพงโดด เพราะมีปริมาณความต้องการสูง เกิดความยากลำบากในการดำรงค์ชีวิต ของประชาชน ต่อมา.....
--"ยุคกลาง" มีการติดต่อ การค้าระหว่างประเทศ และเริ่มมีการนำสินค้า ที่มีปริมาณมากเกินไป "เหลือใช้" จากประเทศหนึ่ง ส่งไปค้าขายอีกประเทศหนึ่ง ที่มีความต้องการหรือขาดแคลนสินค้านั้นๆ "ยุคกลาง" แน่นอนว่า...ถึงจะเป็นสินค้าขาดแคลน แต่สินค้าที่ขาดแคลนชนิดนั้นๆ ก็ยังมีประชาชนในประเทศ "บางส่วน" เป็นผู้ผลิตอยู่บ้าง ซึ่งอาจเป็นคนส่วนน้อยของประเทศ "ยุคกลาง" ดังนั้น การนำเข้ามาสินค้าที่ขาดแคลนเข้ามาขาย ก็จะกระทบคนกลุ่มน้อยในส่วนนี้ด้วย ด้วยเหตุนี้ รัฐจึงต้องใช้มาตราการ การตั้งกำแพงภาษี เพื่อช่วยเหลือคนกลุ่มน้อย ไม่ให้ถูกตัดราคาสินค้าจากประเทศอื่นๆ ที่ส่งสินค้าเหลือใช้เข้ามาขาย "ยุคกลาง" เพราะเมื่อภาษีสูง คนที่นำสินค้าที่มีปริมาณเกินความจำเป็นของประเทศเค้าเข้ามาขายในประเทศเรา ก็จะมีต้นทุนในการนำเข้าสูงตามไปด้วย จึงไม่สามารถขายตัดราคาสินค้าของคนที่เพาะปลูกในประเทศได้
--สุดท้าย...."ยุคปัจจุบัน" เจตนารมณ์ของ FTA ก็คือ ลดกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าที่มีปริมาณมาก เกินความจำเป็นของแต่ละประเทศ เพื่อชดเชยความต้องการของประเทศที่ขาดแคลน และต้องการสินค้านั้นๆ เหมือนกัน เพื่อให้เกิด "ดุลลภาพทางด้านการค้า" --"ยุคปัจจุบัน" เมื่อเปิดเสรีการค้ามากขึ้น รัฐก็จะมีรายได้จากภาษีของผู้ที่นำเข้าสินค้านั้นๆ มาขายภายในประเทศ ในสัดส่วนที่มากขึ้นตามไปด้วย และรัฐฯก็จะนำเงินภาษีที่ได้ไปอุดหนุ่นไปช่วย เกษตรกร ที่ได้รับผลกระทบจากสินค้าที่ถูกตัดราคาจากสินค้าที่นำเข้ามา " นี่คือเจตนารมณ์ ของ FTA "
--แต่ ยุคทักษิณทำไงรู้มั้ย คนส่วนใหญ่ของประเทศไทยเรา เพาะปลูก ทำไร่ ทำสวน สินค้าพวกนี้จึงน่าเป็นสินค้าส่งออก เพราะเป็นสินค้าที่มีปริมาณมากในประเทศ แต่... ทักษิณตกลง FTA กับจีน โดยยอมให้จีนนำพืชผลทางการเกษตรเข้ามาตีชาวไร่ ชาวสวน ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ในบ้านเรา เพื่อ...แลกกับการนำเข้า อะไหล่รถยนต์ ซึ่งเป็น บ.ของพวกทักษิณเองไปจีน ผลก็คือ บ.พวกทักษิณร่ำรวย ส่งสินค้าเข้าจีนขายได้ถล่มทลาย แต่ เกษตรกร ชาวไร่ ชาวสวน ชาวนา ในประเทศ ตาย..เพราะถูกผลไม้จีนตีตลาด ถูกจนเหลือเชื่อ เช่น มะม่วงเหลือโลละ 10 บาท ฯลฯ สายการบิน
--ต่อมาก็เรื่องสายการบิน ทุกๆ ประเทศมีสายการบินประจำชาติ ประเทศไทยชื่อ การบินไทย และเส้นทางการบินของสายการบินนั้นๆ บ้างก็มีขาดทุน บ้างก็มีกำไร เช่น กรุงเทพไป นิวยอร์ก กำไรทุกปี แต่กรุงเทพไป.. อาจขาดทุน แต่สายการบินเป็นของรัฐ ยังไงก็ต้องรองรับระบบพื้นฐานโลจิสติกของไทย ไม่ว่าจะกำไรหรือขาดทุน ก็ต้องบิน โดยหากเกิดการขาดทุน รัฐจะเป็นผู้ให้เงินสนับสนุนชดเชยให้ เมื่อทักษิณกุมอำนาจการบริหารประเทศ ทักษิณก็ถือหุ้นใหญ่ สายการบิน แอร์เอเชีย จากนั้น ก็ง่ายนิดเดียว ยกเลิกเส้นทางการบินของรัฐที่มีกำไร ไปให้แอร์เอเชียบิน ...ส่วนอันไหนขาดทุน ให้การบินไทยบินต่อไป ให้รัฐจ่าย.. แอร์เอเชียก็กำไรมโหฬาร ส่วนการบินไทย ก็ตามมีตามเกิดไป .......นั้นหละ การโกงในเชิงนโยบาย
+++เมื่อทักษิณจัดการธุรกิจทุกอย่างจนได้สัญญาสัมปทาน ผูกขาดกับรัฐ ไปอีกหลายนานแสนนาน แถมสัญญาที่ทำกับรัฐในทุกสัญญานั้น ทั้งได้เปรียบเอาเปรียบ ลดภาษี ลดค่าสัมปทาน "จนเหมือนแทบจะเหมือนได้เปล่า.." จากนั้นทักษิณก็จัดการแก้กฏหมาย เพื่อให้สามารถขายบริษัททั้งหมดให้กับต่างชาติ โดยบวกกำไรส่วนเพิ่ม ที่ทักษิณได้ทำสัญญาการเอาเปรียบรัฐ ต่างๆ ไว้ นั้นก็คือ... กฎหมายขยายเพดานการถือหุ้น ของชาวต่างชาติ ในบริษัทโทรคมนาคมของประเทศ มีผลบังคับใช้วันที่ 21 มกราคม 2549 และสองวันต่อมา ตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์ ก็ขายหุ้นชินคอร์ป ให้กับบริษัทเทมาเส็ก แห่งประเทศสิงคโปร์ เป็นจำนวนเงิน 73,300 ล้านบาท รวยขึ้นทันตาเห็น เดิมจาก 2หมื่นกว่าล้าน ขายทีเดียวได้เกิน 3 เท่า หรือกว่า 300% ".......จริงๆทุกอย่างแทบจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เพราะถึงจะโกงยังไง สส.ตัวแทนประชาชนทุกคนที่ทักษิณใช้เงินฟาดหัวซื้อไว้ ก็ยกมือโหวดกฏหมายต่างๆ ให้ผ่านร่าง พรบ. ได้อย่างถูกต้องตามกฏหมาย ใครก็เอาผิดทักษิณไม่ได้!!!!!!"
+++แต่ความโลภ และหลงอำนาจของทักษิณ เลยทำให้ทักษิณชะล่าใจ ใช้อำนาจเอื้อหนุนในการซื้อที่ดินรัชดา เริ่มตั้งแต่การเปลี่ยนวงเงินมัดจำการประมูลจาก 10 ล้าน เป็นเงินสด 100ล้าน ภายในวันเดียวเพื่อให้ผู้ร่วมเข้าประมูลเตรียมเงินสดไม่ทัน จากนั้นการประมูลทางอินเตอร์เน็ตก็ไม่พบผู้ร่วมประมูล ทั้งๆที่ บ. แลนด์แอนเฮ้า LPN ฯลฯ กว่า 7 ราย ก็เข้าร่วมประมูล แต่ทักษิณบอกเป็นการผิดพลาดทางด้านเทคนิค แถมทักษิณยังประกาศแก้ไขวันหยุดสิ้นปีของปีนั้นๆ เป็นวันทำการ เพื่อให้สามารถซื้อขายที่ดินแปลงนั้นได้ก่อนสิ้นปี ก่อนที่จะมีการบังคับใช้กฏหมายการใหม่ในปีถัดไปอีกด้วย
+++สรุปราคาการซื้อขาย จากเดิมที่กองทุนฟื้นฟูซื้อมาที่ต้นทุนราคา 4,889 ล้านบาท .....แต่ทักษิณ ให้พจมาน ซื้อไปได้ในราคา 772 ล้านบาท .... ก็คิดเอาเองละกานนะ เฮ้อ..คนไทยบางคน ยังภูมิใจกับเศษเงินที่เขาให้มา แลกกับการโกงชาติไปมากมาย สัญญาต่างๆ ที่เขาทำไว้ เป็นสัญญาที่ผูกพันกับรัฐไปอีกนานแสนนาน รัฐจะสูญเสียเงินที่ควรจะเก็บภาษีต่างๆ ที่ควรได้ในทุกๆ ปี หายไปอีกปีละกว่าหลายหมื่นล้าน ทั้งยังเสียประโยชน์จากการดำเนินนโยบาย ที่มุ่มเน้นแต่การเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง ตลอดจนถึงการทุจริตเชิงนโยบาย รวมทั้งสิ้นปีละเป็นแสนล้าน เงินในคลังก็จะน้อยลง ไทยก็จะยากจน การพัฒนาก็จะน้อยลงกว่าที่ควรจะเป็นไปอีกหลายสิบปี คนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือ คนยากจน ที่รักทักษิณ ตามต่างจังหวัด ที่ต้องพึ่งพาสวัสดิ์การจากรัฐตั้งแต่เกิดนั้นแหละ
-+-ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทักษิณ กุมอำนาจเสร็จเด็ดขาดทุกอย่าง ตั้งแต่ สส.ในสภา การแต่งตั้ง ผบ.ทหาร /ตำรวจ ข้าราชการประจำ จนถึงแก้ไขระบบผู้ว่าราชการจังหวัด ให้เป็นแบบ ผู้ว่า CEO ก็เป็นพวกของทักษิณทั้งนั้น ถ้าทักษิณครองเมืองได้ ถึงมีผู้รู้ทันมากสักแค่ไหน ก็ขวางทักษิณไม่ได้ การที่ยุคสมัยนึงคนไทยรักเลือกทักษิณ เพราะไม่รู้ไม่เข้าใจในการทุจริต ในเชิงนโยบายของเขา --" แล้วใครละจะคอยขวางทางทักษิณ "......ไม่ให้ทักษิณแต่งตั้งเอา ญาติและพวกพ้อง คนชั่วมามีอำนาจ...เพื่อยึดอำนาจ ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดสมใจเขา
-+-ระบอบประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่ดี แต่ประชาชน ต้องมีความรู้ แล้วการจะมีความรู้ได้ ต้องได้รับข้อมูลข่าวสารที่เพียงพอในการประกอบการตัดสินใจ เลือก สส. ตัวแทนประชาชน มารักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์ของพวกเรา......

 จากเพจ/ 
11 May ·2015
 

Tuesday, 26 May 2015

ตรวจจุดยืน ผ่านวิสัยทัศน์ประชาธิปไตย

(บรรยายภาพ) ตรวจจุดยืน ผ่านวิสัยทัศน์ประชาธิปไตย
ประชาธิปไตยแบบที่ ๑ เป็นประชาธิปไตยที่มีเนื้อหาและรูปแบบ"ของชนชั้นทุนผูกขาดศักดินาเหนือรัฐ" เสียงเดียวชนะทุกเสียง ใช้รูปแบบรัฐประหาร สลับกับ การปล่อยให้มีการเลือกตั้ง
แบบที่ ๒ จุดยืนเพื่อ "ทุนผูกขาดสวามิภักดิ์รายใหม่" คนกลุ่มนี้ จะไม่เอาเรื่องสัมปทานน้ำมัน หรือไม่เอาความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจและการจะได้ถือครองเศรษฐกิจโดยประชาชน ทางตรงมาพูด พวกนี้จะไม่เปลี่ยนการถือครอง"ระบบกรรมสิทธิ์เศรษฐกิจ เพื่อไปสู่มือประชาชน" และจะหลอกมวลชนให้โค่นศักดินาเพื่อทักษิณ(ไม่เอาประชาชนมาแทนที่)
แบบที่ ๓ คือ ประชาธิปไตยประชาชนทางตรง
คนไทยสามารถตรวจจุดยืนของคู่สนทนาได้ จากการตรวจสอบวิสัยทัศน์ -ผ่านคำถาม"ในเรื่องประชาธิปไตยในเรื่องจุดยืน ปลายทางเพื่อชนชั้นใด? เนื้อหา และรูปแบบการใช้อำนาจ"
เพจ/

ทุนผูกขาดศักดินาเหนือรัฐ ที่มีอิทธิพลอเมริกาครอบงำ 26/5/2558

Sunday, 24 May 2015

ที่มาของความทรยศของพรรคเพื่อนายทุน-แดกพลังงานตั้งแต่หัวยันหาง


อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทยแดกน้ำมันและเหมืองทองคำ
http://thaileak.com/contents/view/124
มิน่าหละไอ้หอกหักจารุพงศ์ เรื่องสุวรรณ มันถึงพูดว่าน้ำมันกับทองคำไม่สำคัญคนเสื้อแดงอย่าไปพูดถึง ข้าวสำคัญกว่าเพราะทั้งน้ำมันและทองคำเอาไว้ให้"ตระกูลเรื่องสุวรรณ"ชาติหมาหาแดกนี่เอง
แดกพลังงานกันทั้งพรรคตั้งแต่หัวหน้าพรรคอย่างจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ,จาตุรนต์ ฉายแสง รองหัวหน้าพรรค ,ภูมิธรรม เวชชยชัย เลขาธิการพรรค โธ่ ไอ้พรรคส้นตีนกดขี่-ขูดรีดปล้นชิงประชาชน ชั่วพอๆกันกับพรรคประชาธิปัตย์ไอ้พรรคบ้านั่นก็หาแดกกับพลังงานกันทั้งพรรค
แล้วแบบนี้ประชาชนจะหันไปพึ่งใครได้


 คลิปแม้วอยากเป็นผู้ดูแลสำนักทรัพย์ของศักดินา https://www.youtube.com/watch?v=EtcNE_7OuGA  

 หมอผ่าตัดรักษาโรคทางชนชั้น 24/5/2558







คนนามสกุล เรืองสุวรรณ แดกน้ำมัน-เหมืองทองคำกันทั้งตระกูล ถูกแฉออกมาแล้ว http://www.isranews.org/investigative/invest-slide/item/28975-ja.html








“จารุมาศ เรืองสุวรรณ”ที่ปรึกษา พท.เป็น กก.บริษัทสำรวจทองคำ 5 แห่ง 

 

 พบข้อมูล“จารุมาศ เรืองสุวรรณ”ที่ปรึกษาพิเศษพรรคเพื่อไทย โผล่นั่ง กก.บริษัทสำรวจขุดทองเครืออัคราไมนิ่ง 5 แห่ง ก่อนถูกชาวบ้านร้อง ป.ป.ช.สอบปมไล่ที่ทำกิน

 

นายจารุมาศ เรืองสุวรรณ เป็นกรรมการบริษัทในเครืออัคราไมนิ่งอย่างน้อย 5 แห่ง ซึ่งบริษัทดังกล่าวได้ถูกชาวบ้านร้องเรียนกรณีการทำเหมืองแร่ทองคำอยู่ในขณะ นี้
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า นายจารุมาศ เรืองสุวรรณ มีชื่อเป็นกรรมการในเครือข่ายบริษัทอัครา ไมนิ่งจำกัด จำนวน 5 แห่ง
1.บริษัท ฟ้าร้อง จำกัด จดทะเบียนวันที่ 10 ตุลาคม 2550 ทุน 50 ล้านบาท ประกอบธุรกิจ ประกอบธุรกิจสำรวจแร่ธาตุ ที่ตั้งเลขที่ 92/54-55 อาคารสาธรธานี 2 ชั้น 19 ถนนสาทรเหนือ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร บริษัท อิสระ ไมนิ่ง จำกัด ถือหุ้น 99.99%
2.บริษัท ฟ้าแลบ จำกัด จดทะเบียนวันที่ 10 ตุลาคม 2532 ทุนปัจจุบัน 50 ล้านบาท ประกอบธุรกิจสำรวจแร่ธาตุ ที่ตั้งเลขที่ 92/54-55 อาคารสาธรธานี 2 ชั้น 19 ถนนสาทรเหนือ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร บริษัท อิสระ ไมนิ่ง จำกัด ถือหุ้น 99.99%
3.บริษัท อิสระ ไมนิ่ง จำกัด จดทะเบียนวันที่ 25 พฤศจิกายน 2530 ทุนปัจจุบัน 50 ล้านบาท ที่ตั้งเลขทื่ 92/54-55 อาคารสาธรธานี 2 ชั้น 19 ถนนสาทรเหนือ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร บริษัท ฟ้าใหม่ เอ็กซพลอเรชั่น จำกัด ถือ 2,549,995 หุ้น( 50.99%) บริษัท คิงสเกท แคปปิตอล จำกัด 2,450,000 หุ้น (49.00%)
4.บริษัท ริชภูมิ ไมนิ่ง จำกัด จดทะเบียนวันที่ 5 มีนาคม 2540 ทุนปัจจุบัน 50 ล้านบาท ประกอบธุรกิจสำรวจแร่ธาตุ ที่ตั้งเลขที่ 92/54-55 อาคารสาธรธานี 2 ชั้น 19 ถนนสาทรเหนือ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร บริษัท อิสระ ไมนิ่ง จำกัด ถือ 99.99%
5.บริษัท ฟ้าใหม่ เอ็กซพลอเรชั่น จำกัด จดทะเบียนวันที่ 10 ตุลาคม 2550 ทุน 2,114,840 ประกอบธุรกิจให้บริการด้านการสำรวจและประเมินค่าแหล่งแร่ ที่ตั้งเลขที่ 92/54-55 อาคารสาธรธานี 2 ชั้น 19 ถนนสาทรเหนือ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร บริษัท คิงสเกท แคปปิตอล จำกัด (สัญชาติออสเตรเลีย) ถือหุ้นใหญ่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2557 ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลลำพญากลางและตำบลลำสมพุง จ.สระบุรี เดินทางมายื่นเอกสารเพิ่มเติมต่อนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบบริษัทหลายแห่ง เข้าสำรวจเหมืองแร่ในพื้นที่ดังกล่าว รวมทั้งพื้นที่ ตำบลเขาเจ็ดลูก จังหวัดพิจิตร ทำให้ชาวบ้านที่ทำกินได้รับความเดือดร้อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ ข่าวมหาดไทยเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2554 ระบุว่า พล.ท. ดร.จารุมาศ เรืองสุวรรณ (ระบุมียศ “พลโท” ขณะที่ข้อมูลทางธุรกิจมีคำนำหน้า“นาย”) เป็นที่ปรึกษาพิเศษพรรคเพื่อไทย พร้อมนายปกรณ์ สุขุม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัคราไมนิ่ง จำกัด ได้มอบเงิน จำนวน 400,000 บาทให้กระทรวงมหาดไทยนำไปช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหา อุทกภัย โดยมีนายอารี ไกรนารา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รับมอบ ที่ห้องรับรองกระทรวงมหาดไทย
และพบว่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ลงนามในประกาศกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2556 ให้พล.ท.จารุมาศ เรืองสุวรรณ อยู่ในบัญชีรายชื่อผู้มีความเหมาะสมเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจ เพิ่มเติมประจำปี 2555 เพิ่มเติมในลำดับ ที่ 9
(http://www.sepo.go.th/spaw/uploads/files/55_1.pdf)
อีกทั้งยังพบว่า พล.ท.จารุมาศ เรืองสุวรรณ มีชื่อเป็นที่ปรึกษาประจำคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาแก้ไขปัญหาหนี้สินข้า ราชการครูในคณะกรรมการธิการแก้ไขปัญหาหนี้สินแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม
(http://www.parliament.go.th/ewtcommittee/ewt/debt_sub3/download/article/article_20130913130849.pdf)
จากการตรวจสอบราชกิจจานุเบกษา ประกาศ เล่ม ๑๒๒ ตอนที่ ๗ ข ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๔๘) พบว่า พล.ท.จารุมาศ เรืองสุวรรณ เมื่อครั้งเป็นนายทหารชั้นยศพันเอกได้การเลื่อนยศเป็นพลตรีเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2548 ข้อมูลระบุว่า พล.ท.จารุมาศ เรืองสุวรรณ ลาออกก่อนเกษียณอายุเมื่อเดือนต.ค.52

ทีี่มา/
วันอังคาร ที่ 29 เมษายน 2557 เวลา 06:37 น.
เขียนโดย
isranews

Saturday, 23 May 2015

วีรชนส่วนใหญ่จึงเป็นวีรชนที่ตายโหงเพื่อ"ชนชั้นอื่น" ไม่ตายเพื่อทักษิณ ก็ตายเพื่อศักดินา

ประเทศไทยมีวีรชนมากมาย เช่น วีรชนมัฆวาน วีรชนเลือกตั้งสกปรก วีรชน ๑๔ ตุลา วีรชนพลับพลาไชย วีรชน ๖ ตุลาฯ วีรชนพฤษภา ๓๕,วีรชน ราชประสงค์,วีรชน ๗ ตุลาฯ ,วีรชนรัชมังคลา,วีรชนอักษะ ....วีรชนหอศิลปะ ฯลฯ
สังคมไทยจึงได้บรรจุ"บทกวี"และ "เพลงปฏิวัติ"เต็มไปหมด
มีวีรชนกันทั้งเสื้อเหลืองเสื้อแดง
และ คงต้อง "สะสมวีรชน"กันอีกทั้งสองฝ่าย อีกหลายเหตุการณ์
นี่คือ ผลงานประชาชนร่วมกัน แห่งความโง่เขลาร่วมกันแห่งยุคสมัย
วีระชนรุ่นพี่ที่พิการ และยังไม่ตาย-ก็ล้วนแต่ขาดองค์ความรู้และไม่เอาทฤษฎีการต่อสู้ทางชนชั้นใดๆ อีก
วีรชนส่วนใหญ่จึงเป็นวีรชนที่ตายโหงเพื่อ"ชนชั้นอื่น" ไม่ตายเพื่อทักษิณ ก็ตายเพื่อศักดินา
มองไม่เห็นศัตรูทางชนชั้นและกลไกศัตรู ที่ประชิดตัวประชาชน -ศัตรูร่วมกันทางชนชั้นกดขี่ทางการเมือง และขูดรีดทางเศรษฐกิจ -ที่กระทำในทุกพื้นที่ หมู่บ้านและเมืองต่างๆ -- วีรชนเห็นศัตรูแค่รัฐประหาร แค่ครอบครัวเดียว -ลูกสมุนศัตรูหลายแสนคนก็ฆ่าวีรชนทิ้งได้อย่างสบาย ลอยนวล--กระทืบได้ซ้ำๆ กระทืบต่อร่างวีรชน-ส่วนมากเป็นวีรชนที่โง่เขลา--
มีแต่ต้อง"สดุดีจิตใจ" ไม่ได้สดุดีต่อทฤษฎีและฝีมืออะไรเลย
จิตใจที่กล้าหาญ จงเจริญ ๆๆๆๆ //แต่เจริญได้น้อย เพราะขาดทฤษฎีทางชนชั้น

 พาราเซตามอล 23/5/2558

การต่อสู้กับชนชั้นที่กดขี่ขูดรีดประชาชนไทยนั้น มีหลายระบบคิด

การต่อสู้กับชนชั้นที่กดขี่ขูดรีดประชาชนไทยนั้น มีหลายระบบคิด มีหลายเวอร์ชั่น มีหลายกิจกรรม ที่มีจากกลุ่มต่างๆ ๓ กลุ่มชนชั้น คือพวกชนชั้นสูงศักดินา พวกทักษิณ และพวกประชาชนเอง

ฝ่ายทักษิณจะมี พวกชู ๓ นิ้วบ้าง- มีพวก"ด่าศักดินาครอบครัวเดียว"บ้าง มีพวกด่าอำมาตย์ มีพวกด่ารัฐประหารบ้าง

มีพวกเชิดชูยกย่องสรรเสริญทักษิณทุกนาทีบ้าง- มีพวกชูศักดินา มีพวกเชิดชูอเมริกาก็มี

ที่สำคัญ มีคนฝ่ายทักษิณบอกว่า ใครทำอะไรได้ก็ทำ ชนะทุกวัน ชนะทุกเวอร์ชั่น//เช่น สาบแช่ง-ก็ชนะ -ปล่อยวางให้เวรกรรมทำงาน ก็ชนะ// ชนะทุกเอร์ชั่น

ยกเว้น-ต้อง-ไม่เอา"ทฤษฎีการต่อสู้ทางชนชั้น" ไม่เอา"เรื่องประชาชนใช้อำนาจ" ไม่เอาเรื่องประชาธิปไตยทางตรง" ไม่เอาปัญหาของชาวบ้าน เรื่องเศรษฐกิจ สัมปทานทองคำ น้ำมันนี้ห้ามพูด ถ้าพูดแล้วจะพ่ายแพ้"

ฉะนั้นการต่อสู้ของฝ่ายทักษิณ นปช. จึงเอาแต่ส่งเสริมการรอคอยบ้าง การร้องขอบ้าง การฟังปราศรัยบ้าง การเดือดร้อนเรื่องทักษิณถูกรังแกบ้าง พี่น้องศักดินาชิงสมบัติบ้าง? เพราะชนะทุกกิจกรรม

ยกเว้นการต่อสู้เพื่อประชาชน อย่างนี้ ฝ่ายแดงสายงานทักษิณจะไม่สนับสนุน


Friday, 15 May 2015

อดีตคนเดือนตุลาและสหายพคท.สายทักษิณ คือกลุ่มคนร่วมปล้นทรัพยากรคนไทย


เรื่องพลังงานพูดง่ายๆว่าแดกกันทุกพรรคการเมือง ไม่ว่าจะเป็นบรรหาร ศิลปะอาชา,สุวัจน์ ลิปตพัลลภ,พรรคประชาธิปัตย์เยอะมากตั้งแต่ค้าน้ำมันเถื่อนถาวร เสนเนียม ,กรณ์ จาติกวานิช ,สุเทพ เทือกสุบรรณและสส.ปชป.อีกหลายคนที่มีหุ้นในปตท.และในบริษัทที่3-4 ส่วนในพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลมาหลายสมัยจะปล่อยให้เนื้อก้อนโตนี้หลุดปากไปได้อย่างไร

เอาตั้งแต่หัวแถวทักษิณ ชินวัตรที่หลังจากถูกรัฐประหาร.2549 โดนยึดทรัพย์สี่หมื่นกว่าล้านบาท แต่พอมาปี2550อำมาตย์ก็เอ็นดูให้แปลงสัมปทานแหล่งน้ำมันที่ดีมีศักยภาพในการผลิตสูง โดยให้นอมินีมารับแทนในนามของเพิร์ลออยด์จากUAE เรียกกินกันที่ต้นน้ำถึงเขาจะขัดแย้งกันในทางการเมืองแต่ในการหากินเขาร่วมกันได้ อีกคนในนามสยามแก๊สก็น่าจะเป็นนอมินีของทักษิณอีกเช่นกัน ออกหน้าออกตาเป็นทางการคือ ชัยสิทธิ์ ชินวัตรประธานกรรมการผู้จัดการสยามแก๊สนั่นเอง

อีกกลุ่มที่บทบาทสำคัญมากทางการเมือง แต่เล่นเป็น กินเงียบ เดินเกมส์การเมืองในด้านลึก คือกลุ่มวอร์รูมพรรคเพื่อไทยที่มีนายภูมิธรรม เวชชยชัยเป็นเลขาธิการพรรค มีนายจาตุรนต์ ฉายแสงผู้กำลังถูกวางตัวให้เป็นนายกฯในอนาคตเป็นหัวหน้ากลุ่ม ในปี2558นายภูมิธรรมได้ไปยุบบ.ไทยเดินเรือทะเลซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ แล้วให้สหายสมบูรณ์ สิมะแสงยาภรณ์คนใกล้ชิดในฐานะสหายที่เคยเข้าป่าร่วมงานกับพคท.มาด้วยกัน เข้าไปเทคโอเวอร์แล้วรวบสิทธิ์ในการเดินเรือมาเป็นของพวกตน

เมื่อเพื่อนให้โอกาสสหายสมบูรณ์ก็ไม่เคยลืมเพื่อน ผลประโยชน์ที่ได้มหาศาลกินไม่หมดและมีแต่เพิ่มขึ้น สหายสมบูรณ์ก็ไม่ทำให้เพื่อนผิดหวังสนับสนุนการเมืองมาโดยตลอดไม่ว่าจะช่วยจาตุรนต์ในการทำกิจกรรมการเมือง การยื่นความช่วยเหลือในการเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย-นปช. สนับสนุนกิจกรรม-การชุมนุมของคนเสื้อแดง การสนับสนุนนักพูดใต้ดินของคนเสื้อแดง โดยยื่นผ่านสหายพคท.สายเพื่อไทยอีกหลายคนมาโดยตลอด การที่สหายสมบูรณ์บอกว่าเขาไม่ใช่มาร์กซิสแล้ว นั่นก็หมายความว่าเขาไม่ได้มีจุดยืนเพื่อประชาชนแล้วนั่นเอง อุดมการณ์ของสมบูรณ์ สิมะแสงยาภรณ์นั่นกลายเป็นชนชั้นทุนผูกขาดไปแล้ว

ด้วยความย่ามใจในอำนาจที่มีเพื่อนเป็นนักการเมืองใหญ่ และมีคนของอำมาตย์ให้การสนับสนุนอีกด้วย จึงกล้าท้าทายประชาชนคนชั้นล่าง “อยากรักชาติมาก ก็ขอให้ยกเลิกสัมปทานเลยสิ ทำสิ” ในขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศกำลังประสบกับความยากลำบากในการดำรงชีวิต เนื่องจากความมั่งคั่งร่ำรวยจากทรัพยากรมันมาไม่ถึงคนชั้นล่างเพราะถูกชนชั้นผู้ได้เปรียบทางสังคม”ทุนผูกขาด”อย่างสหายสมบูรณ์และพรรคพวก ขูดรีด-ปล้นชิงจากพวกเขาไป

คอมเม้นของนายสมบูรณ์ สิมะแสงยาภรณ์ https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1422467908072985&id=100009293688708&comment_id=1424407421212367&notif_t=feed_comment


จากเพจ/สมชาย รักประชาชน 16/5/2015

 

Thursday, 14 May 2015

2นักวิชาการใครเพื่อประชาชนใครเพื่อนายทุน สมศักดิ์ เจียม /พิชิต ลิขิตกิจสมบรูณ์ ???

ใน สถานการณ์ปัจจุบัน การมีข้อเสนอที่ฟังดู "ก้าวหน้า" มากๆ "โดนใจ" ผู้คนที่กำลังอยู่ในอารมณ์โกรธ ผิดหวัง เป็นการเสนออะไรที่ง่ายมาก แม้ข้อเสนอนั้นฟังดูดี แต่ปฏิบัติไม่ได้เลยก็ไม่เป็นไร แถมยังได้เหรียญยี่ห้อ "กล้าหาญ" "หลักการแม่น" มาห้อยคอไว้อีกด้วย
หนทางไปสู่ประชาธิปไตยนั้นไม่ใช่ถนนสายใหญ่ สองข้างทางสะอาดสะอ้าน เป็นเส้นตรงเห็นจุดหมายปลายทางชัดเจน คนสามารถวิ่งตรงทีเดียวถึงโดยไม่เปื้อนฝุ่นละออง แต่ปชต.เป็นเส้นแคบเล็ก วกวนและมีย้อนกลับ มองไม่เห็นปลายทาง คนต้องเดินอ้อมไปมา ฝ่าดงหนาม คลานมุดโคลนตม เลอะเทอะสกปรก เพื่อไปให้ถึงจุดหมาย (โดยไม่รู้ว่า จะถึงเมื่อไร และจะถึงหรือเปล่า)
พวกที่ "ปฏิเสธทุกอย่าง บอยคอตทุกอย่าง" ไม่เอาแม้แต่ประชามตินั้น ฟังดูดี แต่เท่ากับ "นั่งนิ่งเฉย ไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้กระบวนการลื่นไหลไป" เพราะอะไร? ก็เพราะการเคลื่อนไหว "บอยคอต" ที่ว่าไม่มีผลทางการเมืองอะไรทั้งสิ้นนอกจากความสะใจส่วนตัว!
ถ้ามีประชามติ ก็จะไม่ไปลงประชามติ อย่างนี้ต่างกับคนไทยอีกนับล้านคนที่เอาแต่ทำมาหากินไม่สนใจการเมืองตรงไหน? ก็เพียงไปเพิ่มจำนวนคน "นอนหลับทับสิทธิ์" แค่นั้น! แล้วรธน.ก็ผ่านอยู่ดี (จำการเคลื่อนไหว "โหวตโน" ของพวกเสื้อเหลืองได้หรือเปล่า?)
แล้วที่ว่า "กดดันให้พรรคการเมืองบอยคอต รธน. บอยคอตประชามติ บอยคอตเลือกตั้ง" อ้างว่า "ปชช.สู้มาเยอะแล้ว วันนี้ต้องดันหลังพรรคการเมืองออกไปสู้แทนปชช.มั่ง" ตรงนี้ยิ่งน่าหัวร่อ สิบปีมานี้ ยังไม่เรียนรู้ถึงธาตุแท้ของพรรคการเมืองอีกเหรอ?
ประชาธิปัตย์ยังมีวี่แววที่จะสู้ในสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะมันพิสูจน์ตัวเองแล้วว่า ถ้าเสียประโยชน์แล้วต่อรองไม่ได้ดังใจ มันก็จะสู้ และก็สู้แบบฉวยโอกาส หักหลัง ชุบมือเปิบ อย่างที่พวกพันธมิตรเสื้อเหลืองโดนมาแล้ว
ส่วนเพื่อไทยน่ะเหรอ? ยิ่งแย่กว่าปชป. คืออ้อมแอ้ม คลุมเคลือ แถมยังมีกระแสในพรรคที่อยากให้รธน.ผ่านเร็ว ๆ จะได้เลือกตั้ง เพราะมั่นใจว่า ยังไงก็ยังเป็นพรรคเบอร์หนึ่งในสภา แล้วจะไปคว่ำบาตร รธน.กับการเลือกตั้งทำไม!
การผลักดันให้มีประชามติและให้ออกเสียง "ไม่ผ่าน" จึงเป็น "รูออก" ที่พอจะเสนอได้ ไม่สุดขั้ว สื่อกระแสหลักเอาด้วย นักการเมืองหลายคนก็สนับสนุน ประชาชนจำนวนหนึ่งก็เห็นด้วย แม้รูออกนี้จะเล็กเท่ารูมด ก็ไม่ถึงกับปิดตาย ไม่ว่าเขาจะยอมหรือปฏิเสธ ก็ยังมี "รูมด" อื่น ๆ ให้เล่นต่อได้อีก

14May2015












 Somsak Jeamteerasakul ผมแปลกใจมากๆที่ ดร. พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ เขียนข้อความแบบนี้นะครับ

"ถ้า มีประชามติ ก็จะไม่ไปลงประชามติ อย่างนี้ต่างกับคนไทยอีกนับล้านคนที่เอาแต่ทำมาหากินไม่สนใจการเมืองตรงไหน? ก็เพียงไปเพิ่มจำนวนคน "นอนหลับทับสิทธิ์" แค่นั้น! แล้วรธน.ก็ผ่านอยู่ดี (จำกา
รเคลื่อนไหว "โหวตโน" ของพวกเสื้อเหลืองได้หรือเปล่า?)"

ประเด็นคือ "ประชามติ" #แบบไหน ครับ ที่ว่า "จะไม่ไปลง" แล้วผิดน่ะ? คือ ดร.พิชิตเขียนราวกับว่า ขอแตให้ "ประชามติ" มีการ "ลงบัตร" ก็แปลว่า = ประชาธิปไตยแล้ว .. ผมว่า ดร.พิชิต รู้ดีกว่านั้นแน่

ยิ่ง ไปเปรียบเทียบเรื่อง "เสื้อเหลือง" "โหวตโน" นี่ ยิ่งไปกันใหญ๋เลย ดร.พิชิต กำลังจะบอกว่า การออกเสียงเลือกตั้ง ก่อน รปห กับ การ(ถ้ามี)ลง "ประชามติ" ภายใต้ระบอบ รปห นี่ "เหมือนกัน" หรือครับ?



Somsak Jeamteerasakul ผม ว่า ถ้าสมมุติมี "ประชามติ" ที่ คสช จัดขึ้นมา แล้วเกิดมีประชาชนจำนวนมากบอยคอต ยิ่งไม่น่าจะเปรียบว่า "เอาแต่ทำมาหากิน...นอนหลับทับสิทธิ์" แน่ๆ ใช้สามัญสำนึก หรือ common sense ก็น่าจะรู้แล้ว คือถ้าคนถึงกับ "บอยคอต" ประชามติ คสช ได้ แสดงว่าพวกเขาจะต้องตื่นตัวทางการเมืองมากๆเลย ไมใช่ "เอาแต่ทำมาหากินไม่สนใจการเมือง" แน่ๆ (ผมยังไม่คาดหวังว่า จะมีคน "ตื่นตัว" ในระดับนั้นมากมายด้วยซ้ำ)

    • Nida Nita มิ พักจะพูดถึงว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะผ่านหรือไม่ผ่าน ภายใต้รัฐบาลเผด็จการคณะนี้มันก็ไม่ได้มีผลดีอะไรต่อประชาชนเลย นอกจากจะยิ่งแย่ลง เป็นที่รู้กันว่าหากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นได้ ก็จะเป็นการเลือกตั้งที่มีเบื้องหลังเป็นการจัดตั้ง ซึ่งเราจะไม่มีทางได้นักการเมืองตัวจริงมาจัดตั้งรัฐบาลของประชาชน
  • Somsak Jeamteerasakul อีกนิดนะครับ ผมไม่แน่ใจว่า ดร. พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ ตอนที่เขียนว่า ข้อเสนอเรื่องบอยคอต "ฟังดูดี แต่เท่ากับ "นั่งนิ่งเฉย ไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้กระบวนการลื่นไหลไป"

    เพราะผมเองไม่เคยเสนอให้ "นั่งนิ่งเฉย" แน่ๆ อันทีจริง ถ้าใครอ่านที่ผมเขียนเรืองนี้แต่แรก ข
    ้อเสนอผม ให้ทำมากกว่าที่ กลุ่มเรียกร้องประชามติที่เป็นประชาธิปไตย กำลังทำอยู่ตอนนี้ด้วยซ้ำ คือให้รณรงค์ #กดดันพรรคการเมือง (ทั้ง ๒พรรคใหญ่ และอืนๆ) ให้แสดงจุดยืนชัดเจนว่า จะไม่เอาระบบการ"เลือกตั้ง" ที่่จะออกมาให้สภาเลือกตั้งไปอยู่ภายใต้อำนาจลากตั้งทั้งหลาย ซึงข้อเสนอแบบทีผมเสนอนี้ (และแน่นอน รณรงค์ต่อสาธารณะด้วย)

    เอา เข้าจริง ข้อเสนอแบบนี้ ต้อง "ทำมากกว่า" ที "กลุ่มฯ" กำลังทำอยู่นี้เยอะ และถ้าผมเข้าใจไม่ผิดนะ (ผมได้"คุย"กับคนทีทำเรืองนี้ ตั้งแต่ก่อนการ "เปิดตัว" อยู่ อันนี้ ถ้า ดร.พิชิต ลอง "ถามๆ" ดู ก็น่าจะพอทราบ) ที "กลุ่มฯ" หรือคนทีเกี่ยวข้อง "ไม่รับ" ทีผมเสนอ #ก็เพราะมันเป็นข้อเสนอทีกลัวว่าจะ"ไม่ไหว" คือกลัวว่า จะทำไม่ได้ ไมมีกำลังทำ พูดง่ายๆคือ ข้อเสนอเกี่ยวกับ "บอยคอต" นั้น #ตรงกันข้ามกับที่พิชิตเขียนมานี้ว่าไม่ทำอะไร #ในทางปฏิบัติจะต้องทำมากกว่าที "กลุ่มฯ" เลือกทำตอนนี้เยอะครับ
  • Somsak Jeamteerasakul สุดท้าย อันนี้เรียน ดร. พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ และ กลุ่มเรียกร้องประชามติที่เป็นประชาธิปไตย ด้วยความจริงใจว่า ผมมีความเห็นอกเห็นใจอย่างสูง ต่อพวกคุณที่กำลังอยู่เมืองไทยและเคลือนไหวในสภาพยากลำบาก และด้วยเหตุนี้ ทีผ่านมา ก็พยายาม "จำกัด" แสดงความไม่เห็นด้วยในลักษณะ "ติง" แบบไม่มากอะไร (ถ้าผมคิดจะแย้งมากๆจริงๆ ป่านนี้ เขียนเช้าเขียนเย็น เขียนทุกวันแล้ว)

    แต่ อยากเรียนตรงๆว่า ดร.พิชิต หรือ "กลุ่มฯ" ถ้าจะยืนยันเคลื่อนไหวต่อไป จะต้อง produce หรือ ผลิต arguments หรือเหตุผลสนับสนุน ทีมัน "เข้าท่า" กว่าทีเขียนๆมา เช่นในกระทู้นี้ครับ

    คือ เห็นได้ชัดว่า ทีเขียนนี้ "หลวม" มากๆ คือ มีอย่างทีไหนที่เสนอประเภทว่า การ"บอยคอต" คือเหมือน การ "เสื้อเหลือง ประท้วง" เลือกตั้ง (ราวกับว่า ก่อน และ หลัง รปห มีโครงสร้างอำนาจ มีระบอบการเมืองทีเหมือนกันอย่างนั้นแน่ะ) หรือทีว่า การ"บอยคอต" คือเหมือนการ "เอาแต่ทำมาหากิน ไม่สนใจการเมือง" อะไรแบบนั้น หรือ การ "ไม่ทำอะไร" ฯลฯ

    คือ พวกนี้ ถ้าพูดแบบฝรังคือเป็น non-starter เลย คือ ไม่อาจนับเป็น arguments หรือเหตุผลสนับสนุนอะไรเลย เพราะมันผิดทั้งข้อเท็จจริงง่ายๆ และการวิเคราะห์ง่ายๆ (ลงคะแนนภายใต้ รปห จะเหมือนการลงคะแนน ก่อน รปห ได้อย่างไร เป็นต้น)

    • Somsak Jeamteerasakul โทษที อีกนิด แทนที่ ดร. พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ หรือ กลุ่มเรียกร้องประชามติที่เป็นประชาธิปไตย จะเขียนโต้แย้งในลักษณะ non-starter แบบนี้ ผมเสนอว่า น่าจะลอง address หรือ "ตอบ" ประเด็นที่ผมเรสมาจะดีกว่า ผมว่า ต่อให้ไม่เห็นด้วย ประเด็นทีผมเรส มันมีประเด็นอยู่แน่ๆ

      เช่น ในสภาพที(คง)เป็นไปไม่ได้ ที่ คสช จะให้มีการรณรงค์ เคลื่อนไหว ชุมนุมประท้วง ฯลฯ ก่อนทีจะมีการ"ประชามติ" และดังนั้น ก็หมายความว่า "ประชามติ" นี้จะเป็น "ประชามติ" แบบ ปลอมๆ (เหมือน ปท.เผด็จการเวลามี "ประชามติ" อะไรแบบนั้น) .. ถ้าในสภาพเช่นนี้ กลุ่มฯ ยังจะ "เดินหน้า" สนับสนุน "ประชามติ" หรือไม่ (ดร. Piyabutr Saengkanokkul เขียนเสนอเมือวานว่า ถ้าเป็นเช่นนั้น ควรบอยคอต.. ผมไม่แน่ใจว่า นี่เป็นความเห็นของ ดร.พิชิต หรือ "กลุ่ม" หรือไม่? ถ้าไม่ คือถ้ายังยืนยัน ร่วม "ประชามติ" ปลอมๆ จะ justify การเข้าร่วมอย่างไร

      (ประเด็น ที่เพิ่งยกนี้ ยังรวมไปถึงประเด็นที่ว่า ถ้า คสช กำหนดว่า ถ้า "ไม่รับ" ก็จะ "เริ่มต้นใหม่" คือ ไม่มีทางทีพวกเขาจะทำแบบที่ "กลุ่มฯ" เสนอว่า ให้เลือก สสร แทน .. ในสภาพเช่นทีว่า "กลุ่มฯ" จะยังคงสนับสนุนการประชามติ หรือไม่?)

      จะ เห็นว่า ประเด็นทีว่านี้ ผมว่า มันมีประเด็นอยู่จริง และทีผ่านมา ผมยังไม่เห็น ดร.พิชิต หรือ "กลุ่มฯ" address ปัญหาทีว่านี้อย่างจริงจัง
      14May2015