ทำไม?? ขบวนการของทักษิณ
จึงไม่สามารถนำพามวลชนคนเสื้อแดงสู่ชัยชนะได้ !!
ขบวนการของทักษิณ เป็นขบวนการปฏิรูป มีภาระกิจหลักคือ
๑.ต่อสู้กับสมุนอำมาตย์ในเวทีเลือกตั้ง สู้ต่ำกว่าเปรมลงมา
๒.ไม่มีเจตนาโค่นล้มทุนผูกขาด มีแต่ร้องขอ รอคอย และสร้างแรงกดดันเล็กน้อยต่อฝ่ายอนุรักษ์ขอร่วมกราบกินเท่านั้น
จากเป้าหมายทางยุทธศาสตร์เพื่อพวกตนเองได้กราบกิน ดังกล่าวนี้ ทำให้บุคลากรของฝ่ายทักษิณ ไม่มีการต่อสู้ที่จริงจัง
ตรงกันข้าม ต่อมวลชนที่ตาสว่าง และมวลชนเสื้อแดงที่ร่วมในขบวนของเขา พวกเขากลับทรยศหักหลัง ได้มีการมอบรายชื่อมวลชนให้ฝ่ายรัฐประหาร จนมวลชนถูกไล่ล่าถึงบ้านเรือน
ฝ่ายทักษิณได้ชี้เป้าประชาชนที่ต่อสู้แบบตาสว่าง มีการขัดขวางคนเสื้อแดงที่เห็นต่าง สลายหมู่บ้านเสื้อแดง จน ทำมวลชนเสื้อแดงอ่อนกำลังลง ตามที่ฝ่ายทุนผูกขาดศักดินาต้องการ
ยิ่งกว่านั้น ทักษิณและ สส.เพื่อไทย ได้ลงมือทรยศเหมาเข่ง ต่อมวลชนเสียเอง-ไม่ลงนามไอซีซี.และร่วมหากินสัมปทานพลังง่านกับฆาตรกรที่ปราบปรามเข่นฆ่าประชาชนในปี พศ.๒๕๕๓ อีกด้วย
ใน ปัจจุบัน ขบวนการทักษิณ ยังไม่ขอโทษคนเสื้อแดง ไม่ยอมรับการทรยศมวลชน มีความพยายามให้มวลชนลืมความชั่วช้าสาระเลวในด้านการทรยศมวลชนอย่างหน้าด้าน
มีการจัดกิจกรรมการเมือง เพื่อรักษากระแสนิยมในหมู่คนเสื้อแดงเอาไว้เพื่อร้องขอไปยังคณะรัฐประหารให้รีบจัดเลือกตั้งเร็วๆ ตามที่ตนต้องการ ไม่สนใจการสร้างขบวนการประชาชนเพื่อต่อสู้ปราบปราบศัตรูประชาชนอย่างมีหลักประกันต่อชัยชนะ ซึ่งเป็นประเด็นเร่งด่วนกว่าการเลือกคั้ง
ขบวนการของ ดร.ทักษิณที่มุ่งทำเพื่อตนเองและชนชั้นทุนผูกขาดกราบกินนี้ จึงเป็นขบวนการค้ามนุษย์ ละเมิดสิทธิมนุษยชน ละเมิดสิทธิชุมชน เพิกเฉยต่อปัญหาเฉพาะหน้า และระยะยาวของมวลชน ที่ถูกทำร้ายจากระบบกดขี่ขูดรีดผูกขาดทางเศรษฐกิจ
ประชาชนในท้องถิ่นทั่วประเทศได้รับผลร้ายทางสุขภาพ เจ็บป่วย และยากจนจากทุนผูกขาด แต่ สส.แกนนำ และคนของฝ่ายทักษิณเพิกเฉยต่อความเดือดร้อนเหล่านี้ จะเอาแต่ให้มวลชนไปช่วยแก้ปัญหาของพวกเขา
ฉะนั้น ประชาชนจึงจำเป็นต้องประนาม เปิดโปง กระชากหน้ากาก นักประชาธิปไตยจอมปลอม พวกลวงโลกกลุ่มทักษิณนี้ และร่วมกันปฏิเสธแนวทางต่อสู้แบบเห็นแก่ตัวของพวกเขา พวกเขาต้องการมวลชนเพื่อเป็นเพียงฐานอำนาจส่งทางพวกเขาไปเข้าสภา ไปสวมสิทธิ์กินสมบัติชาติและถือครองอำนาจร่วมกินกับฝ่ายอนุรักษ์นิยมเดิมต่อไปเท่านั้น
- ทหารจาก มทบ.14 เข้าจู่โจมบ้านแกนนำคนสำคัญ เป็นท่อน้ำเลี้ยงภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไหวตัวหนีออกต่างประเทศ สามารถจับเลขาฯ คนสนิท และยึดหลักฐานการโอนเงินพร้อมรายชื่อมือปืน จับไปเข้าค่ายทหารที่กรุงเทพมหานคร
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9570000059814

เมื่อเวลา 19.00 น.วันนี้ (28 พ.ค.) ทหารจากค่ายมณฑลทหารบกที่ 14 จ.ชลบุรี สนธิกำลังกว่า 50 นาย บุกเข้าไปที่บ้านเลขที่ 9/74 หมู่บ้านบางแสนมหานคร ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นบ้าน ของนางมนัญชยา เกศแก้ว หรือเมย์ แดงทักษิณ ซึ่งเป็นผู้ดูแลท่อน้ำเลี้ยง แจกจ่ายเงินของกลุ่ม นปช.ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หลังจากทราบว่า เป็นแกนนำ นปช.คนสำคัญ ที่มีความสนิทสนมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อไปถึงพบว่า นางเมย์ ได้เดินทางหนีกลับไปประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นบ้านของสามี หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำการรัฐประหาร แต่สามารถจับกุม น.ส.เกศสุดา คุณะเสน อายุ 27 ปี ซึ่งเป็นเลขาฯ สนิทของนางเมย์ ไว้ได้ พร้อมอาวุธปืนกล็อก ขนาด 11 มม.อีก 1 กระบอก ในห้องนอน พร้อมกับยึดรถยนต์ฮอนด้าแจ๊ซ สีขาว หมายเลขทะเบียน 350 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นของน้องชายนางเมย์ เพื่อไปทำการตรวจสอบ ผู้สื่อข่าวรายงาน ทหารต้องตกตะลึงหลังจากทำการตรวจค้นบ้าน พบหลักฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นใบโอนเงิน บัญชีการแจกจ่ายเงิน และการว่าจ้างบุคคลทำงานที่เชื่อว่าน่าจะก่อให้เกิดความวุ่นวาย รวมทั้งใบแจกจ่ายอาวุธยุทโธปกรณ์ พร้อมใบรายชื่อกลุ่มผู้มีอิทธิพล และรายชื่อมือปืนทั่วราชอาณาจักรไทย ซึ่งรวมได้ประมาณ 3 กล่องใหญ่ ซึ่งทหารรวบรวมนำไปเป็นหลักฐานในตรวจสอบเพื่อดำเนินคดีต่อไป นอกจากนี้ ยังพบรูปถ่ายที่นางเมย์ ได้ถ่ายร่วมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นจำนวนมาก ซึ่งเชื่อได้ว่ามีการพบปะกันเป็นประจำ และบ่อยครั้ง จนกระทั่งกลายเป็นท่อน้ำเลี้ยง มีหน้าที่แจกจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเสื้อแดง นปช.ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และว่าจ้างในกรณีต่างๆ อีกด้วย ทหารจึงได้ควบคุมตัวเลขาฯ และหลักฐานไปสอบสวนที่เซฟเฮาส์ภายในค่ายทหารแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานครทันที
|
เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2557 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 1 ได้แถลงจับกุมผู้ต้องหาวัย 42 ปี 1 ราย ข้อหามีอาวุธปืน หรือวัตถุระเบิดที่ใช้ในการสงครามอยู่ในครอบครอง ทั้งนี้ ผู้ต้องหาให้การสารภาพว่า เป็นผู้จัดหาอาวุธสงครามให้แก่ผู้ร่วมขบวนการ นำไปก่อเหตุความไม่สงบในระหว่างที่มีการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. นอกจากนี้ ทางผู้ต้องหายังระบุอีกว่า ได้รับอาวุธสงครามมาจากนางสาวกริชสุดา คุณะแสน นักกิจกรรมเสื้อแดงอีกด้วย ก่อนที่จะนำไปฝึกใน อ.เขาชะเมา จ.ระยอง ต่อไป จากนั้นในวันที่ 9 สิงหาคม 2557 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ศาลอาญา รัชดา ได้อนุมัติออกหมายจับ นางสาวกริชสุดา คุณะแสน หรือ เปิ้ล อายุ 27 ปี นักกิจกรรมเสื้อแดงแล้ว พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ พูลสวัสดิ์ หรือ น้อง อายุ 45 ปี และนางมนัญชยา เกตุแก้ว หรือ เมย์ อายุ 46 ปี ในข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุน หรือวัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะในสงครามครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สืบทราบว่า นางสาวกริชสุดา มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดหาอาวุธสงคราม มาแจกจ่ายให้พวก นำไปก่อเหตุในหลายพื้นที่ช่วงที่มีการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่ม กปปส. โดยมีพยานหลักฐานเป็นเอกสาร การจัดซื้อและพยานบุคคลซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตัวได้ ให้การซัดทอดว่ารับอาวุธสงครามมาจากนางสาวกริชสุดา เพื่อนำมาก่อเหตุหลายครั้ง
โดยวันนี้ เตรียมนำผู้ต้องหาที่จับกุมได้เพิ่มมาแถลงข่าวที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พร้อมเร่งรัดติดตามตัวผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ ในส่วนของนางสาวกริชสุดา ซึ่งยังหลบหนีอยู่ต่างประเทศ ภายหลังศาลออกหมายจับแล้ว จะต้องสืบสวนให้แน่ชัดว่าหลบหนีอยู่ประเทศใดเพื่อประสานขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป ทั้งนี้ นายพีระพงษ์ สินธุสนธชาติ หรือ ธานินทร์ ผู้ต้องหาคดีดังกล่าววัย 42 ปี เปิดเผยว่า เคยรับอาวุธเอ็ม 16 จากนางสาวกริชสุดา และรับเอ็ม 79 จากนายกมล ดวงผาสุก (ไม้หนึ่ง ก.กุนที) กวีเสื้อแดง ด้วย โดยคำพูดทั้งหมดเป็นความจริง ไม่มีการบังคับขู่เข็ญใด ๆ จากเจ้าหน้าที่ ด้าน พล.ต.อ.สมยศ เปิดเผยว่า ต้องการให้ประชาชนมีความเข้าใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งการที่นางสาวกริชสุดา ออกมาระบุว่าถูกทำร้ายร่างกาย เป็นการโกหกแต่งเรื่อง เพื่อทำให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเอง ส่วนการดำเนินคดีผู้ต้องหาที่หลบหนีไปต่างประเทศ ตำรวจจะสรุปสำนวนให้อัยการสั่งฟ้อง ซึ่งถ้าอัยการสูงสุดมีการสั่งฟ้อง ก็จะส่งเรื่องไปที่กระทรวงต่างประเทศ เพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนการส่งผู้ร้ายข้ามแดน
http://hilight.kapook.com/view/106378

18 ก.ย.2558 เวลาประมาณ 10.00 น. ศาลอาญารัชดา ห้อง 910 ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำคุก นางจันทนา วรากรสกุลกิจ หญิงเสื้อแดง วัย 45 ปี จากข้อกล่าวหาครอบครองอาวุธปืน วัตถุระเบิด ครอบครองเสื้อเกราะกันกระสุน และวิทยุสื่อสารสั่งจำคุก 27 ปี 9 เดือน ปรับ 6,000 บาท แต่เนื่องจากจำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี จึงให้ลดโทษทั้งจำและปรับลง 1 ใน 3 เหลือจำคุก 17 ปี 18 เดือน ปรับ 4,000 บาท
เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 พ.ค.2557 เจ้าหน้าที่ทหารจากกองทัพภาคที่ 1 และเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ ได้ใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก เข้าทำการตรวจค้น ห้องเช่า หมายเลข 3 และ 4 หอพักแห่งหนึ่ง ใน ต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร และได้ทำการจับกุมนางจันทนา วรากรสกุลกิจ วัย 44 ปี พร้อมอาวุธปืน M16 หนึ่งกระบอก, ปืน AK 47 หนึ่งกระบอก, ปืนคาร์บิน SKS พร้อมกล้องเล็ง หนึ่งกระบอก, เครื่องยิงระเบิดM 79 หนึ่งกระบอก, ปืนคาร์บินM 1 หนึ่งกระบอก, ปืนคาร์บิน M 3 หนึ่งกระบอก, ปืนพกสั้นไม่มีทะเบียน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน, วัตถุระเบิด, เสื้อเกราะกันกระสุน, วิทยุสื่อสาร โดยการจับกุมดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้ระบุว่าเป็นการซัดทอดมาจาก นายเชาว์วัฒน์ ทองเผือก อดีตทหารพราน ที่ถูกทำการจับกุมที่บ้านพักที่ อ.หนองม่วง จ.ลพบุรี ในช่วงเช้าของวันเดียวกัน
ในการสืบพยานโจทก์เชื่อมโยงหลักฐานการพิสูจน์อาวุธของกลางเข้ากับปลอกกระสุนที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุ ในเหตุการณ์ คนร้ายขว้างระเบิดและยิงปืนเข้าใส่บริเวณการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. เมื่อวันที่ 22 ก.พ.2557 ที่ตลาดยิ่งเจริญ ต.แสนตุ้ง อ.เขาสมิง จ.ตราด ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บกว่า 30 คน นอกจากนี้ยังเชื่อมโยงจำเลยจากภาพถ่ายที่ปรากฏจำเลยและพวกกำลังรับลังใส่เครื่องมือจากนายสมศักดิ์ พูลสวัสดิ์ ผู้ต้องขังและจำเลยในคดีพยายามฆ่าซึ่งแยกฟ้องเป็นอีกคดีหนึ่งของเหตุการณ์จังหวัดตราด ภาพการรับกล่องใส่เครื่องมือดังกล่าวถูกถ่ายที่ถนนอักษะระหว่างการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ช่วงก่อนการรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 และนางรังสินี วัดเล็ก พยานโจทก์ ผู้ดูแลห้องเช่า ได้ระบุว่านางจันทนาเป็นผู้เช่าห้องทั้งสองห้อง
ส่วนฝ่ายจำเลยได้ต่อสู้เรื่องข้อเท็จจริงในการจับกุมว่าหลักฐานของกลางไม่ได้ถูกยึดในห้องพักของจำเลย แต่เป็นห้องพักของ นายสุวิทย์ เจนไธสง กล่องใส่ของที่นายสมศักดิ์มอบให้กับจำเลยและพวกไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นอาวุธ ไม่มีการพิสูจน์ว่ามีลายนิ้วมือของจำเลยอยู่ที่ของกลาง และ นายสุวิทย์ เจนไธสง ที่ถูกจับกุมตัวพร้อมกันก็ได้ถูก ร.อ.สุเทพ ทาเวียง หัวหน้าชุดจับกุมควบคุมตัวแยกออกไป
http://www.prachatai.com/journal/2015/09/61468

จำคุก 'ภรณ์ทิพย์-ปติวัฒน์' คดีเจ้าสาวหมาป่า ผิด 112 สารภาพเหลือ 2 ปี 6 เดือน ไม่รอลงอาญา
คดีแสดงละคร "เจ้าสาวหมาป่า" ศาลตัดสินผิด ม.112 จำคุกจำเลย 2 รายรวม 5 ปี แต่รับสารภาพจึงลดโทษเหลือ 2 ปี 6 เดือน โดยศาลอ่านคำพิพากษาย่อ ขณะที่มีผู้สังเกตการณ์จากองค์กรระหว่างประเทศร่วมฟังแน่นห้อง ด้านอัลจาซีร่าระบุตำรวจตามจับกุมอีก 6 ราย
23 ก.พ. 2558 เวลาประมาณ 11.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 813 ศาลอาญา รัชดา ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อ. 3528/2557 ที่พนักงานอัยการ ฟ้องนายปติวัฒน์ (สงวนนามสกุล) และนางสาวภรณ์ทิพย์ (สงวนนามสกุล) เป็นจำเลย ในข้อหาหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากการแสดงละครเรื่องเจ้าสาวหมาป่า เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2556 ในงานรำลึก 40 ปี 14 ตุลา ที่หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
ศาลพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ให้ลงโทษจำคุก 5 ปี แต่เนื่องจากจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน ในระหว่างการพิจารณาคดี มีการสืบเสาะพฤติการณ์ของจำเลย พบว่าแม้ว่าจำเลยทั้งสองไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน แต่จำเลยทั้งสองร่วมกันแสดงละครล้อเลียน จาบจ้วงสถาบัน ในหอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และยังมีการเผยแพร่ต่อสาธารณะทางอินเทอร์เน็ต พฤติการณ์ถือว่าร้ายแรง จึงไม่รอการลงโทษจำคุก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลไม่ได้อ่านคำพิพากษาฉบับเต็ม อ่านเพียงโทษเท่านั้น ทั้งนี้ มีผู้ร่วมสังเกตการณ์กว่า 50 คนจนล้นห้องพิจารณาคดี โดยมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ สถานทูตประเทศต่างๆ อาทิ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป เข้าร่วมฟังด้วย
ด้านนายอัยการ พ่อของปติวัฒน์ซึ่งมีอาชีพพนักงานรักษาความปลอดภัย กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังที่ไม่สามารถมาฟังคำตัดสินได้ทัน เนื่องจากเขาต้องนั่งรถโดยสารมาจาก จ.ฉะเชิงเทรา เพราะเดิมเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2557 ศาลได้นัดไว้เวลาฟังคำพิพากษาไว้ว่าคือ 13.30 น.
อนึ่ง ศาลได้เลื่อนเวลาการอ่านขึ้นมาเป็นเวลา 9.00 น. โดยที่นายอัยการหรือทนายความของนายปติวัฒน์ไม่ได้ทราบล่วงหน้า
แม่ของภรณ์ทิพย์ ซึ่งประกอบอาชีพทำไร่มันสำปะหลัง และเดินทางจากพิษณุโลกเพื่อมาฟังคำพิพากษาในวันนี้ ให้สัมภาษณ์หลังฟังคำพิพากษาว่า "ภูมิใจในความกล้าหาญของเขา เขาตัดสินใจด้วยตัวเองมาตั้งแต่แรก"
"แม่เคารพการตัดสินใจทั้งของศาลและของลูก" แม่ของภรณ์ทิพย์กล่าวและว่า "เป็นห่วงอย่างเดียวคืออนาคตของเขา"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพื่อนๆ หลายสิบคนมาให้กำลังใจภรณ์ทิพย์และปติวัฒน์ที่ห้องขังใต้ถุนศาล ร้องเพลงบทเพลงของสามัญชน ให้กำลังใจ ขณะที่เพื่อนๆ ฝั่งห้องคุมขังผู้ต้องขังชายร้องเพลงแสงดาวแห่งศรัทธา ก่อนเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะนำทั้งสองกลับเรือนจำทันที ทั้งที่ตามปกติจะมีการนำผู้ต้องขังกลับเรือนจำพร้อมกันในตอนเย็น
หลังจากนั้นกลุ่มเพื่อนๆ ได้รวมตัวกันร้องเพลงบทเพลงของสามัญชนอีกครั้งที่หน้าป้ายศาลอาญา ถนนรัชดา
ในรายงานของ
อัลจาซีร่า ซึ่งอ้างจากเอเอฟพี ระบุว่า ในคดี "เจ้าสาวหมาป่า" ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตามจับกุมบุคคลอื่นอย่างน้อย 6 ราย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแสดงดังกล่าว โดยจะดำเนินคดีฐานความผิดในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
ด้านนายวีรนันท์ ฮวดศรี แฟนหนุ่มของภรณ์ทิพย์กล่าวว่า หลังการฟังคำพิพากษาเขาได้ติดตามไปเยี่ยมภรณ์ทิพย์ที่เรือนจำในวันเดียวกันด้วย และภรณ์ทิยพ์ฝากขอบคุณทุกๆ กำลังใจ
"กอล์ฟฝากบอกว่าขอบคุณพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกคน ยังไม่ทันจะได้ร่ำลากันเลย ขอบคุณทุกกำลังใจซึ่งกำลังใจเหล่านี้มากจนหนูหอบมันไปจากศาลเพื่อแบ่งให้เพื่อนในเรือนจำได้เลย ตอนออกมาทางพัสดีบอกไม่ให้หนูยิ้ม เพราะมันดูเป็นการไม่สำนึกแต่หนูอดที่จะยิ้มไม่ได้เพราะ 1.หนูดีใจที่มีเพื่อนมิตรมามากมาย ดีใจมากๆ 2.โทษถึงแม้มันจะลงกับหนูและแบงก์หนักแต่ไม่ได้มากกว่าที่หนูกังวล ยิ่งเขาทำอะไรกับเรา ยิ่งบิดพริ้วเท่าไหร่ ยิ่งเป็นการประจานตัวเองของผู้ดีมีอำนาจ ไม่รู้จะขอบคุณทุกคนยังไง อย่าลืมหนูนะ แล้วเจอกันในวันที่มีเสรีค่ะ" แฟนของภรณ์ทิพย์ระบุ
http://www.prachatai.com/journal/2015/02/58052