Tuesday, 29 September 2015

พวกคิดที่จะเอาแค่รัฐสวัสดิการ คือพวกคิดกระจอก


พวกคิดที่จะเอาแค่รัฐสวัสดิการ คือพวกคิดกระจอก

แทบทุกคนอ้างต้องการได้รัฐสวัสดิการแบบยุโรป อยากเอาแบบสแกนดิเนเวียท่องและจำขี้ปากกันมาจนเป็นแพทเทิร์น แต่ไม่เคยศึกษาเนื้อแท้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร อะไรคือปัจจัยที่จะทำให้เช่นนั้นได้ มีอะไรที่ดีกว่าไหม?

ภายหลังจากการโค่นล้มราชวงศ์โรมานอฟของรัสเซีย ได้เกิดมาลุกขึ้นสู้ของกรรมชีพหลายประเทศไปทั่วยุโรปไม่น้อยกว่า 14ประเทศ แล้วก็ชนะด้วย แต่ด้วยความรู้ความเข้าใจไม่เพียงพอก็ไม่สามารถสร้างสรรค์สังคมใหม่ได้ จึงถูกทุนนิยมยึดกลับ มีการสูญเสียชีวิตระหว่างการต่อสู้อย่างมากมาย

ทุนนิยมจึงเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องผ่อนปรนไม่เช่นนั้นชนชั้นกรรมาชีพก็จะลุกขึ้นสู้อีก มีการยอมปรับเปลี่ยนโครงการเพื่อให้ชนชั้นล่างหายใจสะดวกขึ้นหลายอย่างเช่น ปรับลดเวลาการทำงาน จากเดิมทำงานวันละ16ชั่วโมงเหลือ8ชั่วโมง การคิดค่าแรงขั้นต่ำโดยค่าแรง1คนจะต้องเพียงพอที่จะเลี้ยงภรรยา1คนและลูกอีก2คนได้ และหนึ่งในนั้นแรงงานหรือชนชั้นล่างจะต้องมีรัฐสวัสดิการ

เงินที่จะเอามาทำเป็นรัฐสวัสดิการมาจากไหน??? เจ้าของกิจการที่ได้กำไรอันเกิดจากแรงงานของกรรมาชีพจ่ายลงมาให้ ใช่หรือไม่... เปล่าเลย มันก็คือเงินของกรรมาชีพเองที่ต้องจ่ายในรูปภาษีหรือเงินกองทุนกรรมกร เราจะได้ยินว่าคนที่ทำงานในประเทศแถบยุโรปจะจ่ายภาษีที่ได้จากค่าแรงสูงมากๆ 20-70%อยู่ประมาณนี้แล้วแต่อัตราค่าแรงที่ได้ รายได้เยอะก็จ่ายเยอะ มูลค่าแรงงานที่ผลิตได้ให้นายจ้างนายจ้างก็ยังคงได้เท่าเดิม สรุปคือ รัฐสวัสดิการมันก็คือเอาเนื้อของชนชั้นล่างมาให้ชนชั้นล่างเองนั่นแหละ ไม่มีใครมาจ่ายให้ นายทุนเขายังได้เท่าเดิม

1. แล้วการได้เป็นเจ้าของกิจการร่วมหละ ฉันออกแรงแกออกทุนมันต้องได้กำไรร่วมกันสิ ไม่มีครับ
2. การผูกขาดขูดรีดประชาชน บริษัทของประชาชนต้องได้เป็นเจ้าของสิกำไรคืนสู่ประชาชน ไม่มีครับ
3. ทรัพย์ของส่วนรวมที่มันควรเป็นของทุกๆคน แต่บริษัทผูกขาดเอาไปหมด ต้องแปรให้มาเป็นบริษัทของประชาชนสิ ไม่มีครับ

ทั้งสามข้อนี้ประชาชนต้องเข้าไปเอาให้ได้ เพราะมันสิทธิ์ของประชาชน ผมจึงบอกว่าพวกที่คิดจะเอาแค่รัฐสวัสดิการคือพวกคิดกระจอก งั้นแรงงานไทยก็เกือบจะได้แล้วสิ กองทุนประกันสังคมมีให้คล้ายๆรัฐสวัสดิการแล้ว? มันดีจริงหรือเปล่าไปถามพวกที่ทำประกันสังคมดูก็รู้ครั

คำว่ารัฐสวัสดิการจึงเป็นสิ่งที่ทุนนิยมสร้างขึ้นมาเพื่อหลอกว่าฉันให้แล้วนะ เอาเพียงหยาดเหงื่อแรงงานบางส่วนเล็กๆคืนมาให้เท่านั้นเอง เป็นเพียงยาทาขี้กลากที่ไม่รักษาโรคร้ายที่ชนชั้นหนึ่งกระทำต่อประชาชนอีกชนชั้นหนึ่งได้ ซึ่งความจริงที่พวกเขาปกปิดการขูดรีด-ปล้นชิงชนชั้นล่างอยู่นั่นเอง
...
แนวทางที่3สู้เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน29.9.2015


Tuesday, 22 September 2015

สิทธิชุมชน

สิทธิชุมชน เป็นสิทธิอันชอบธรรมของประชาชนในชุมชน ที่จะต้องได้รับการร่วมบริหารจัดการชุมชนในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม การศึกษา วัฒนธรรมท้องถิ่น สิทธิเด็ก สตรี และชาวชนบท--เป็นไปตามปฏิญญาสากลของสหประชาชาติ พศ.๒๔๙๑ นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญไทย พศ.๒๕๔๐ ได้รับรองสิทธิชุมชน มีกฎหมายลูกที่เกี่ยวของออกตามมาหลายฉบับที่ยังมีผลบังคับใช้
การอ้างสิทธิชุมชนของพวกลวงโลก ในต่างแดน มีเพียงการสวมเสื้อคลุมว่า “พวกตนรักษาสิทธิชุมชน” หรือ “สิทธิมนุษยชน” แบบลวงโลก

พวกเขาไม่ยกเอาปัญหาที่อเมริกาผูกขาดกินสัมปทานน้ำมันในชุมชนไทย ร่วมทำลายสิ่งแวดล้อมในการทำเหมืองทองคำ แร่โปแตส การระเบิดหินทำปูซิเมนต์

พวกคนรักทักษิณ จะปกปิองทิทธิทักษิณและนักการเมือง รวมทั้งไม่คัดค้านการผูกขาดสัมปทานน้ำมันของอเมริกา ที่ทำลายชีวิตผาสุกของชุมชน และให้ผลตอบแทนค่าสัมปทานน้อยนิด คนไทยในชุมชนถูกกดขี่ขูดรีด ถูกปล้นชิงทรัพยากร
แต่กลุ่มคนลวงโลก กลับเชิดชูอเมริกาผู้แทรกแซงการเมืองและกินทรัพย์กรของพลเมืองโลก ที่สำคัญยังมุ่งปกป้องสิทธิของนักการเมืองนายทุน ไม่ค้ดค้านการขูดรีดชุมชนร่วมกับมวลชนในท้องถิ่นเลย การร้องขอต่อคณะรัฐประหารให้เร่งรัดการเลือกตั้ง ก็คือการสมคบถ้อยทีถ้อยอาศัยกันหากินในทรัพยากรของชุมชนทั้งสิ้น



20 September 

Monday, 21 September 2015

ทำไม?? ขบวนการของทักษิณ

ทำไม?? ขบวนการของทักษิณ
จึงไม่สามารถนำพามวลชนคนเสื้อแดงสู่ชัยชนะได้ !!

ขบวนการของทักษิณ เป็นขบวนการปฏิรูป มีภาระกิจหลักคือ
๑.ต่อสู้กับสมุนอำมาตย์ในเวทีเลือกตั้ง สู้ต่ำกว่าเปรมลงมา
๒.ไม่มีเจตนาโค่นล้มทุนผูกขาด  มีแต่ร้องขอ รอคอย และสร้างแรงกดดันเล็กน้อยต่อฝ่ายอนุรักษ์ขอร่วมกราบกินเท่านั้น
จากเป้าหมายทางยุทธศาสตร์เพื่อพวกตนเองได้กราบกิน ดังกล่าวนี้ ทำให้บุคลากรของฝ่ายทักษิณ ไม่มีการต่อสู้ที่จริงจัง
ตรงกันข้าม ต่อมวลชนที่ตาสว่าง และมวลชนเสื้อแดงที่ร่วมในขบวนของเขา  พวกเขากลับทรยศหักหลัง ได้มีการมอบรายชื่อมวลชนให้ฝ่ายรัฐประหาร จนมวลชนถูกไล่ล่าถึงบ้านเรือน
ฝ่ายทักษิณได้ชี้เป้าประชาชนที่ต่อสู้แบบตาสว่าง มีการขัดขวางคนเสื้อแดงที่เห็นต่าง สลายหมู่บ้านเสื้อแดง จน ทำมวลชนเสื้อแดงอ่อนกำลังลง ตามที่ฝ่ายทุนผูกขาดศักดินาต้องการ
ยิ่งกว่านั้น ทักษิณและ สส.เพื่อไทย ได้ลงมือทรยศเหมาเข่ง ต่อมวลชนเสียเอง-ไม่ลงนามไอซีซี.และร่วมหากินสัมปทานพลังง่านกับฆาตรกรที่ปราบปรามเข่นฆ่าประชาชนในปี พศ.๒๕๕๓  อีกด้วย
ใน ปัจจุบัน ขบวนการทักษิณ ยังไม่ขอโทษคนเสื้อแดง ไม่ยอมรับการทรยศมวลชน มีความพยายามให้มวลชนลืมความชั่วช้าสาระเลวในด้านการทรยศมวลชนอย่างหน้าด้าน
มีการจัดกิจกรรมการเมือง เพื่อรักษากระแสนิยมในหมู่คนเสื้อแดงเอาไว้เพื่อร้องขอไปยังคณะรัฐประหารให้รีบจัดเลือกตั้งเร็วๆ ตามที่ตนต้องการ ไม่สนใจการสร้างขบวนการประชาชนเพื่อต่อสู้ปราบปราบศัตรูประชาชนอย่างมีหลักประกันต่อชัยชนะ  ซึ่งเป็นประเด็นเร่งด่วนกว่าการเลือกคั้ง
ขบวนการของ ดร.ทักษิณที่มุ่งทำเพื่อตนเองและชนชั้นทุนผูกขาดกราบกินนี้  จึงเป็นขบวนการค้ามนุษย์  ละเมิดสิทธิมนุษยชน ละเมิดสิทธิชุมชน  เพิกเฉยต่อปัญหาเฉพาะหน้า และระยะยาวของมวลชน ที่ถูกทำร้ายจากระบบกดขี่ขูดรีดผูกขาดทางเศรษฐกิจ
ประชาชนในท้องถิ่นทั่วประเทศได้รับผลร้ายทางสุขภาพ เจ็บป่วย และยากจนจากทุนผูกขาด   แต่ สส.แกนนำ และคนของฝ่ายทักษิณเพิกเฉยต่อความเดือดร้อนเหล่านี้ จะเอาแต่ให้มวลชนไปช่วยแก้ปัญหาของพวกเขา
ฉะนั้น ประชาชนจึงจำเป็นต้องประนาม เปิดโปง กระชากหน้ากาก นักประชาธิปไตยจอมปลอม พวกลวงโลกกลุ่มทักษิณนี้  และร่วมกันปฏิเสธแนวทางต่อสู้แบบเห็นแก่ตัวของพวกเขา  พวกเขาต้องการมวลชนเพื่อเป็นเพียงฐานอำนาจส่งทางพวกเขาไปเข้าสภา ไปสวมสิทธิ์กินสมบัติชาติและถือครองอำนาจร่วมกินกับฝ่ายอนุรักษ์นิยมเดิมต่อไปเท่านั้น




- ทหารจาก มทบ.14 เข้าจู่โจมบ้านแกนนำคนสำคัญ เป็นท่อน้ำเลี้ยงภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไหวตัวหนีออกต่างประเทศ สามารถจับเลขาฯ คนสนิท และยึดหลักฐานการโอนเงินพร้อมรายชื่อมือปืน จับไปเข้าค่ายทหารที่กรุงเทพมหานคร


http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9570000059814




  เมื่อเวลา 19.00 น.วันนี้ (28 พ.ค.) ทหารจากค่ายมณฑลทหารบกที่ 14 จ.ชลบุรี สนธิกำลังกว่า 50 นาย บุกเข้าไปที่บ้านเลขที่ 9/74 หมู่บ้านบางแสนมหานคร ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นบ้าน ของนางมนัญชยา เกศแก้ว หรือเมย์ แดงทักษิณ ซึ่งเป็นผู้ดูแลท่อน้ำเลี้ยง แจกจ่ายเงินของกลุ่ม นปช.ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
      
       หลังจากทราบว่า เป็นแกนนำ นปช.คนสำคัญ ที่มีความสนิทสนมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อไปถึงพบว่า นางเมย์ ได้เดินทางหนีกลับไปประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นบ้านของสามี หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำการรัฐประหาร แต่สามารถจับกุม น.ส.เกศสุดา คุณะเสน อายุ 27 ปี ซึ่งเป็นเลขาฯ สนิทของนางเมย์ ไว้ได้ พร้อมอาวุธปืนกล็อก ขนาด 11 มม.อีก 1 กระบอก ในห้องนอน พร้อมกับยึดรถยนต์ฮอนด้าแจ๊ซ สีขาว หมายเลขทะเบียน 350 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นของน้องชายนางเมย์ เพื่อไปทำการตรวจสอบ
      
       ผู้สื่อข่าวรายงาน ทหารต้องตกตะลึงหลังจากทำการตรวจค้นบ้าน พบหลักฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นใบโอนเงิน บัญชีการแจกจ่ายเงิน และการว่าจ้างบุคคลทำงานที่เชื่อว่าน่าจะก่อให้เกิดความวุ่นวาย รวมทั้งใบแจกจ่ายอาวุธยุทโธปกรณ์ พร้อมใบรายชื่อกลุ่มผู้มีอิทธิพล และรายชื่อมือปืนทั่วราชอาณาจักรไทย ซึ่งรวมได้ประมาณ 3 กล่องใหญ่ ซึ่งทหารรวบรวมนำไปเป็นหลักฐานในตรวจสอบเพื่อดำเนินคดีต่อไป
      
       นอกจากนี้ ยังพบรูปถ่ายที่นางเมย์ ได้ถ่ายร่วมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นจำนวนมาก ซึ่งเชื่อได้ว่ามีการพบปะกันเป็นประจำ และบ่อยครั้ง จนกระทั่งกลายเป็นท่อน้ำเลี้ยง มีหน้าที่แจกจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเสื้อแดง นปช.ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และว่าจ้างในกรณีต่างๆ อีกด้วย
      
       ทหารจึงได้ควบคุมตัวเลขาฯ และหลักฐานไปสอบสวนที่เซฟเฮาส์ภายในค่ายทหารแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานครทันที


                                 
       


 เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2557 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 1 ได้แถลงจับกุมผู้ต้องหาวัย 42 ปี 1 ราย ข้อหามีอาวุธปืน หรือวัตถุระเบิดที่ใช้ในการสงครามอยู่ในครอบครอง

            ทั้งนี้ ผู้ต้องหาให้การสารภาพว่า เป็นผู้จัดหาอาวุธสงครามให้แก่ผู้ร่วมขบวนการ นำไปก่อเหตุความไม่สงบในระหว่างที่มีการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. นอกจากนี้ ทางผู้ต้องหายังระบุอีกว่า ได้รับอาวุธสงครามมาจากนางสาวกริชสุดา คุณะแสน นักกิจกรรมเสื้อแดงอีกด้วย ก่อนที่จะนำไปฝึกใน อ.เขาชะเมา จ.ระยอง ต่อไป

            จากนั้นในวันที่ 9 สิงหาคม 2557 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ศาลอาญา รัชดา ได้อนุมัติออกหมายจับ นางสาวกริชสุดา คุณะแสน หรือ เปิ้ล อายุ 27 ปี นักกิจกรรมเสื้อแดงแล้ว พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ พูลสวัสดิ์ หรือ น้อง อายุ 45 ปี และนางมนัญชยา เกตุแก้ว หรือ เมย์ อายุ 46 ปี ในข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุน หรือวัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะในสงครามครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต    จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สืบทราบว่า นางสาวกริชสุดา มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดหาอาวุธสงคราม มาแจกจ่ายให้พวก นำไปก่อเหตุในหลายพื้นที่ช่วงที่มีการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่ม กปปส. โดยมีพยานหลักฐานเป็นเอกสาร การจัดซื้อและพยานบุคคลซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตัวได้ ให้การซัดทอดว่ารับอาวุธสงครามมาจากนางสาวกริชสุดา เพื่อนำมาก่อเหตุหลายครั้ง

            โดยวันนี้ เตรียมนำผู้ต้องหาที่จับกุมได้เพิ่มมาแถลงข่าวที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พร้อมเร่งรัดติดตามตัวผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ ในส่วนของนางสาวกริชสุดา ซึ่งยังหลบหนีอยู่ต่างประเทศ ภายหลังศาลออกหมายจับแล้ว จะต้องสืบสวนให้แน่ชัดว่าหลบหนีอยู่ประเทศใดเพื่อประสานขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป
 
            ทั้งนี้ นายพีระพงษ์ สินธุสนธชาติ หรือ ธานินทร์ ผู้ต้องหาคดีดังกล่าววัย 42 ปี เปิดเผยว่า เคยรับอาวุธเอ็ม 16 จากนางสาวกริชสุดา และรับเอ็ม 79 จากนายกมล ดวงผาสุก (ไม้หนึ่ง ก.กุนที) กวีเสื้อแดง ด้วย โดยคำพูดทั้งหมดเป็นความจริง ไม่มีการบังคับขู่เข็ญใด ๆ จากเจ้าหน้าที่

            ด้าน พล.ต.อ.สมยศ เปิดเผยว่า ต้องการให้ประชาชนมีความเข้าใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งการที่นางสาวกริชสุดา ออกมาระบุว่าถูกทำร้ายร่างกาย เป็นการโกหกแต่งเรื่อง เพื่อทำให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเอง ส่วนการดำเนินคดีผู้ต้องหาที่หลบหนีไปต่างประเทศ ตำรวจจะสรุปสำนวนให้อัยการสั่งฟ้อง ซึ่งถ้าอัยการสูงสุดมีการสั่งฟ้อง ก็จะส่งเรื่องไปที่กระทรวงต่างประเทศ เพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนการส่งผู้ร้ายข้ามแดน

   http://hilight.kapook.com/view/106378


18 ก.ย.2558 เวลาประมาณ 10.00 น. ศาลอาญารัชดา ห้อง 910 ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำคุก นางจันทนา วรากรสกุลกิจ หญิงเสื้อแดง วัย 45 ปี จากข้อกล่าวหาครอบครองอาวุธปืน วัตถุระเบิด ครอบครองเสื้อเกราะกันกระสุน และวิทยุสื่อสารสั่งจำคุก 27 ปี 9 เดือน ปรับ 6,000 บาท แต่เนื่องจากจำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี จึงให้ลดโทษทั้งจำและปรับลง 1 ใน 3 เหลือจำคุก 17 ปี 18 เดือน ปรับ 4,000 บาท
เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 พ.ค.2557 เจ้าหน้าที่ทหารจากกองทัพภาคที่ 1 และเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ ได้ใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก เข้าทำการตรวจค้น ห้องเช่า หมายเลข 3 และ 4 หอพักแห่งหนึ่ง ใน ต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร และได้ทำการจับกุมนางจันทนา วรากรสกุลกิจ วัย 44 ปี พร้อมอาวุธปืน M16 หนึ่งกระบอก, ปืน AK 47 หนึ่งกระบอก, ปืนคาร์บิน SKS พร้อมกล้องเล็ง หนึ่งกระบอก, เครื่องยิงระเบิดM 79 หนึ่งกระบอก, ปืนคาร์บินM 1 หนึ่งกระบอก, ปืนคาร์บิน M 3 หนึ่งกระบอก, ปืนพกสั้นไม่มีทะเบียน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน, วัตถุระเบิด, เสื้อเกราะกันกระสุน, วิทยุสื่อสาร โดยการจับกุมดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้ระบุว่าเป็นการซัดทอดมาจาก นายเชาว์วัฒน์ ทองเผือก อดีตทหารพราน ที่ถูกทำการจับกุมที่บ้านพักที่ อ.หนองม่วง จ.ลพบุรี ในช่วงเช้าของวันเดียวกัน
ในการสืบพยานโจทก์เชื่อมโยงหลักฐานการพิสูจน์อาวุธของกลางเข้ากับปลอกกระสุนที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุ ในเหตุการณ์ คนร้ายขว้างระเบิดและยิงปืนเข้าใส่บริเวณการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. เมื่อวันที่ 22 ก.พ.2557 ที่ตลาดยิ่งเจริญ ต.แสนตุ้ง อ.เขาสมิง จ.ตราด ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บกว่า 30 คน นอกจากนี้ยังเชื่อมโยงจำเลยจากภาพถ่ายที่ปรากฏจำเลยและพวกกำลังรับลังใส่เครื่องมือจากนายสมศักดิ์ พูลสวัสดิ์ ผู้ต้องขังและจำเลยในคดีพยายามฆ่าซึ่งแยกฟ้องเป็นอีกคดีหนึ่งของเหตุการณ์จังหวัดตราด ภาพการรับกล่องใส่เครื่องมือดังกล่าวถูกถ่ายที่ถนนอักษะระหว่างการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ช่วงก่อนการรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 และนางรังสินี วัดเล็ก พยานโจทก์  ผู้ดูแลห้องเช่า ได้ระบุว่านางจันทนาเป็นผู้เช่าห้องทั้งสองห้อง
ส่วนฝ่ายจำเลยได้ต่อสู้เรื่องข้อเท็จจริงในการจับกุมว่าหลักฐานของกลางไม่ได้ถูกยึดในห้องพักของจำเลย แต่เป็นห้องพักของ นายสุวิทย์ เจนไธสง กล่องใส่ของที่นายสมศักดิ์มอบให้กับจำเลยและพวกไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นอาวุธ ไม่มีการพิสูจน์ว่ามีลายนิ้วมือของจำเลยอยู่ที่ของกลาง และ นายสุวิทย์ เจนไธสง ที่ถูกจับกุมตัวพร้อมกันก็ได้ถูก ร.อ.สุเทพ ทาเวียง หัวหน้าชุดจับกุมควบคุมตัวแยกออกไป
http://www.prachatai.com/journal/2015/09/61468



จำคุก 'ภรณ์ทิพย์-ปติวัฒน์' คดีเจ้าสาวหมาป่า ผิด 112 สารภาพเหลือ 2 ปี 6 เดือน ไม่รอลงอาญา

คดีแสดงละคร "เจ้าสาวหมาป่า" ศาลตัดสินผิด ม.112 จำคุกจำเลย 2 รายรวม 5 ปี แต่รับสารภาพจึงลดโทษเหลือ 2 ปี 6 เดือน โดยศาลอ่านคำพิพากษาย่อ ขณะที่มีผู้สังเกตการณ์จากองค์กรระหว่างประเทศร่วมฟังแน่นห้อง ด้านอัลจาซีร่าระบุตำรวจตามจับกุมอีก 6 ราย
23 ก.พ. 2558 เวลาประมาณ 11.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 813 ศาลอาญา รัชดา ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อ. 3528/2557 ที่พนักงานอัยการ ฟ้องนายปติวัฒน์ (สงวนนามสกุล) และนางสาวภรณ์ทิพย์ (สงวนนามสกุล) เป็นจำเลย ในข้อหาหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากการแสดงละครเรื่องเจ้าสาวหมาป่า เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2556 ในงานรำลึก 40 ปี 14 ตุลา ที่หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
ศาลพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ให้ลงโทษจำคุก 5 ปี แต่เนื่องจากจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน ในระหว่างการพิจารณาคดี มีการสืบเสาะพฤติการณ์ของจำเลย พบว่าแม้ว่าจำเลยทั้งสองไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน แต่จำเลยทั้งสองร่วมกันแสดงละครล้อเลียน จาบจ้วงสถาบัน ในหอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และยังมีการเผยแพร่ต่อสาธารณะทางอินเทอร์เน็ต พฤติการณ์ถือว่าร้ายแรง จึงไม่รอการลงโทษจำคุก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลไม่ได้อ่านคำพิพากษาฉบับเต็ม อ่านเพียงโทษเท่านั้น ทั้งนี้ มีผู้ร่วมสังเกตการณ์กว่า 50 คนจนล้นห้องพิจารณาคดี โดยมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ สถานทูตประเทศต่างๆ อาทิ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป เข้าร่วมฟังด้วย

ด้านนายอัยการ พ่อของปติวัฒน์ซึ่งมีอาชีพพนักงานรักษาความปลอดภัย กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังที่ไม่สามารถมาฟังคำตัดสินได้ทัน เนื่องจากเขาต้องนั่งรถโดยสารมาจาก จ.ฉะเชิงเทรา เพราะเดิมเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2557 ศาลได้นัดไว้เวลาฟังคำพิพากษาไว้ว่าคือ 13.30 น.

อนึ่ง ศาลได้เลื่อนเวลาการอ่านขึ้นมาเป็นเวลา 9.00 น. โดยที่นายอัยการหรือทนายความของนายปติวัฒน์ไม่ได้ทราบล่วงหน้า

แม่ของภรณ์ทิพย์ ซึ่งประกอบอาชีพทำไร่มันสำปะหลัง และเดินทางจากพิษณุโลกเพื่อมาฟังคำพิพากษาในวันนี้ ให้สัมภาษณ์หลังฟังคำพิพากษาว่า "ภูมิใจในความกล้าหาญของเขา เขาตัดสินใจด้วยตัวเองมาตั้งแต่แรก"
"แม่เคารพการตัดสินใจทั้งของศาลและของลูก" แม่ของภรณ์ทิพย์กล่าวและว่า "เป็นห่วงอย่างเดียวคืออนาคตของเขา"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพื่อนๆ หลายสิบคนมาให้กำลังใจภรณ์ทิพย์และปติวัฒน์ที่ห้องขังใต้ถุนศาล ร้องเพลงบทเพลงของสามัญชน ให้กำลังใจ ขณะที่เพื่อนๆ ฝั่งห้องคุมขังผู้ต้องขังชายร้องเพลงแสงดาวแห่งศรัทธา ก่อนเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะนำทั้งสองกลับเรือนจำทันที ทั้งที่ตามปกติจะมีการนำผู้ต้องขังกลับเรือนจำพร้อมกันในตอนเย็น
หลังจากนั้นกลุ่มเพื่อนๆ ได้รวมตัวกันร้องเพลงบทเพลงของสามัญชนอีกครั้งที่หน้าป้ายศาลอาญา ถนนรัชดา
ในรายงานของอัลจาซีร่า ซึ่งอ้างจากเอเอฟพี ระบุว่า ในคดี "เจ้าสาวหมาป่า" ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตามจับกุมบุคคลอื่นอย่างน้อย 6 ราย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแสดงดังกล่าว โดยจะดำเนินคดีฐานความผิดในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
ด้านนายวีรนันท์ ฮวดศรี แฟนหนุ่มของภรณ์ทิพย์กล่าวว่า หลังการฟังคำพิพากษาเขาได้ติดตามไปเยี่ยมภรณ์ทิพย์ที่เรือนจำในวันเดียวกันด้วย และภรณ์ทิยพ์ฝากขอบคุณทุกๆ กำลังใจ 
"กอล์ฟฝากบอกว่าขอบคุณพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกคน ยังไม่ทันจะได้ร่ำลากันเลย ขอบคุณทุกกำลังใจซึ่งกำลังใจเหล่านี้มากจนหนูหอบมันไปจากศาลเพื่อแบ่งให้เพื่อนในเรือนจำได้เลย ตอนออกมาทางพัสดีบอกไม่ให้หนูยิ้ม เพราะมันดูเป็นการไม่สำนึกแต่หนูอดที่จะยิ้มไม่ได้เพราะ 1.หนูดีใจที่มีเพื่อนมิตรมามากมาย ดีใจมากๆ 2.โทษถึงแม้มันจะลงกับหนูและแบงก์หนักแต่ไม่ได้มากกว่าที่หนูกังวล ยิ่งเขาทำอะไรกับเรา ยิ่งบิดพริ้วเท่าไหร่ ยิ่งเป็นการประจานตัวเองของผู้ดีมีอำนาจ ไม่รู้จะขอบคุณทุกคนยังไง อย่าลืมหนูนะ แล้วเจอกันในวันที่มีเสรีค่ะ" แฟนของภรณ์ทิพย์ระบุ
http://www.prachatai.com/journal/2015/02/58052

Sunday, 20 September 2015

ไม่มีใครคืนอำนาจให้ประชาชน

คนไทยจำนวนไม่น้อยที่เข้าใจผิด

โดยคิดว่าการได้เลือกตั้งตัวแทนและมอบอำนาจทั้งหมดของประชาชน ให้ตัวแทนไปทำปู้ยี่ปู้ยำกระทำการขูดรีดและปล้นชิงประชาชน คือการคืนอำนาจให้ประชาชน ประเทศนี้คนไทยไม่เคยมีอำนาจเลย ดูตรงไหน?

- รธน.มาตรา3 ของรธน.ทุกฉบับ ผู้ใช้อำนาจอธิปไตยไม่ใช่ประชาชน รถคันนี้เป็นของคุณเพราะในสมุดครอบครองรถมันเป็นชื่อของคุณ แต่คุณไม่เคยได้ขับรถหรือใช้รถนี้เลย แถมยังต้องหาเงินค่าซ่อมค่าน้ำมันให้ไอ้คนขับมันขับเล่นอย่างสนุกมือ พอคุณร้องอยากจะใช้รถบ้างมันก็เอาสไนเปอร์มายิงหัวคุณ อย่างนี้จะเรียกว่ารถมันเป็นของคุณหรือไม่?

- การได้เลือกตั้งสส.ถือว่าเป็นการมอบอำนาจให้กับชนชั้นทุนนิยมผูกขาดกราบกิน เข้ามาบริการภาษีภายใต้อำนาจของทุนผูกขาดศักดินาเหนือรัฐเช่นเดิม นายทุนผูกขาดที่มีทรัพย์ มีอำนาจมีบารมีที่จะรวบรวมเสียง นโยบายต่างๆที่ออกมาจึงเป็นนโยบายที่เอื้อผลประโยชน์ให้กับชนชั้นทุนนิยมผูกขาดกราบกินทั้งสิ้น ความคิดที่จะขอแก้ไขสัมปทานที่ไม่เป็นธรรม สัมปทานที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน การขูดรีดและปล้นชิงประชาชนจึงไม่ได้ถูกแก้ไขในทุกรัฐบาล และคนจนชนชั้นล่างไม่มีโอกาสเข้ามาบริหารภาษี เนื่องจากโครงสร้างและกฏหมายไม่สนับสนุนให้ประชาชนมีความเข้มแข็ง

ชนชั้นทุนผูกขาดศักดินาเหนือรัฐกระทำเลวทรามต่อประชาชนมาโดยตลอด และชนชั้นทุนผูกขาดกราบกินกระทำต่อประชาชนน้อยกว่า ประชาชนจำนวนมากจึงคิดว่าต้องให้ชนชั้นทุนกราบกินเข้ามาบริหารภาษีดีกว่าทุนเก่าอำนาจโบราณ แต่ไม่เคยรู้เลยว่าชนชั้นประชาชนต่างหากที่บริหารภาษีดีที่สุด โดยการเข้าใช้อำนาจทางตรง มีอำนาจกำหนดทิศทางชุมชนหรือประเทศ ออกนโยบายเอา อนุมัติเอง ควบคุมเอง

จึงเกิดแนวทางที่สามขบวนของประชาชน ที่ต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนและประชาชนเข้าใช้อำนาจทางตรง ถีบหัวมันส่งไปทั้งทุนผูกขาดศักดินาเหนือรัฐและทุนผูกขาดสวามิภักดิ์รายใหม่ โดยประชาชนจะเข้าใช้อำนาจทางตรงผ่านสภาหมู่บ้านถาวรที่มีกฎหมายรองรับ อภิปรายเอง โหวตเอง ไม่ยอมให้นักการเมืองใช้อำนาจแทน พอหย่อนบัตรเลือกตั้งเสร็จประชาชนก็หมดอำนาจ พอแล้วไม่เอาอีกแล้ว


ผลประโยชน์ทางชนชั้น20.9.2015


Tuesday, 8 September 2015

คนไทยพร้อมรบกับโจรจัญไร เหี้ยตัวเก่าไปเหี้ยตัวใหม่มา

พวกมึงจะเล่นเกมส์ชิงอำนาจกันอย่างไรก็เรื่องของมึง จะแก้รธน.หรือไม่แก้ จะมีเลือกตั้งหรือไม่มีตอนนี้กูไม่สน แต่หากคิดที่จะปล้นชิงทรัพย์ส่วนรวมของคนไทยไปให้พวกพ้อง ที่เป็นชนชั้นทุนนิยมผูกขาด แล้วเหลือแต่ความยากจน สิ้นไร้ไม้ตอกให้คนไทย อย่างนี้มันต้องแตกหักกันไปข้างจะยอมกันต่อไปอีกไม่ได้แล้ว

- สัมปทานพลังงาน
- สัมปทานเหมืองทองคำ
- สัมปทานโรงไฟฟ้าถ่านหิน
- สัมปทานเหมืองโปแตช
- ป่าไม้ ,ที่ทำกิน

มันคือทรัพย์ของคนไทย ไอ้พวกจัญไรมึงอย่าแตะโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของทรัพย์ คนไทยทั้งประเทศจะไม่อดทนในความมูมมาม จิตใจที่ต่ำทรามมีแต่ความโลภ ของพวกมึงอีกต่อไป


สมชาย จีรวัฒณ์ 8.9.2015


Monday, 7 September 2015

จงเลือกข้อที่มีพลังต่อสู้ และให้เหตุผลประกอบ ท่านจะได้ความมั่งร่วมด้วยวิธีใด

จงเลือกข้อที่มีพลังต่อสู้ และให้เหตุผลประกอบ ท่านจะได้ความมั่งร่วมด้วยวิธีใด

๑.รอเลือกตั้ง
๒.รอเปลี่ยนระบอบ แบบชูพงษ์ โดยการไปยึดประเทศจีน สนับสนุนอเมริกากินสัมปทานน้ำมันในไทย
๓.เตรียมทุบหม้อข้าวศัตรูทางชนชั้น ทุกพื้นที่ เช่น ยอดดอยที่ทุนผูกขาดเอาไป -บ้านเรือนคฤหาสหรูที่ศัตรูเอาไปเป็นรังโจร-ยึดคืนบ่อน้ำมัน ท่อแก็ส เส้นทางขนส่งทองคำน้ำมัน พาหนะ ที่ปล้นแร่โปแตส จับกุมบุคลากรโจรในท้องถิ่นเพื่อลงโทษ ฯลฯ

แนวทางที่3เพื่อประชาชน7.9.2015


Saturday, 5 September 2015

ประชาชนคนเสื้อแดงส่วนหนึ่ง ต้องการได้ยินคำ "ขอโทษ" จากปากทักษิณ

ประชาชนคนเสื้อแดงส่วนหนึ่ง ต้องการได้ยินคำ "ขอโทษ" จากปากทักษิณ และต้องการการกระทำที่จริงใจต่อการต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ทางตรงของประชาชน  แต่คนเสื้อแดงบางส่วนได้เลิกคาดหวังต่อทักษิณและพรรคพวกไปแล้ว เพราะมองเห็นธาตุแท้ทางชนชั้น ที่ทักษิณร่วมหากินพลังงานกับศักดินา





ธน.ปี2540 เป็นรธน.ฉบับประชาชนเขียนจริงหรือ?

รธน.ปี2540 เป็นรธน.ฉบับประชาชนเขียนจริงหรือ?
- การที่มีคณะรัฐมนตรีมาจากการเลือกตั้ง เป็นการเมืองในระบอบรัฐสภาของทุนนิยมผูกขาดโดยเอกชน
- การที่มีคณะรัฐมนตรีมาจากการรัฐประหาร เป็นการเมืองในระบอบรัฐสภาของทุนนิยมผูกขาดโดยเอกชน
สรุปคือ ไม่ว่าจะอยู่ภายใต้การบริหารภาษีของนักการเมือง หรือภายใต้การแต่งตั้งคนของทุนศักดินาเข้ามาบริหาร ก็ล้วนอยู่ในอำนาจ”ของทุนนิยมผูกขาดโดยเอกชน”ทั้งสิ้น นักการเมืองที่จะได้เข้ามาบริหารภาษีดูเหมือนจะเป็นตัวแทนของประชาชน แต่ระบอบรัฐสภาของทุนนิยมผูกขาดโดยเอกชน เขียนกฎหมายให้ผู้ได้เปรียบทางสังคมมีสิทธิ์เข้ามาได้เป็นตัวแทนโดยส่วนใหญ่ ใครบ้างมีเงินตั้งพรรค? ใครบ้างมีเงินกวาดสส.เข้ามุ้ง? ใครบ้างมีเงินสมัครสส.มีเงินทำป้ายหาเสียง? ใครบ้างมีเงินซื้อเสียง? ล้วนแล้วแต่เป็นชนชั้นทุนกราบกินทั้งสิ้น ปัญหาของประชาชนชนชั้นล่างจึงไม่ได้ถูกสะท้อนผ่านตัวแทนเหล่านั้นเลย รธน.ปี2540 ที่บอกว่าดีนักดีหนาจึงเป็นรธน.ที่ถูกเขียนโดยชนชั้นทุนกราบกินโดยปริยาย
การปล้นสัมปทานพลังงาน ปล้นสัมปทานเหมืองทองคำ ปล้นสัมปทานเหมืองโปแตช การขูดรีดประชาชนในทุกๆด้านทุกๆวินาที ไร้ที่ทำกิน ไร้สวัสดิการ หนี้สิน ล้มละลาย ปัญหาของประชาชนจึงไม่ได้รับความสนใจจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งหรือรัฐบาลที่มาจากการแต่งตั้งของทุนศักดินาเลย จะเขียนรธน.กี่มาตราก็ตาม ประชาชนก็ไม่เคยได้ถือกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ส่วนรวมที่ควรเป็นของประชาชน ถูกผู้ถืออำนาจรัฐตัวจริงหลอกลวงให้ประชาชนเห็นภาพที่ไม่ชัดเจน เดี๋ยวก็เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เดี๋ยวก็เป็นรัฐบาลที่มาจากทุนศักดินาแต่งตั้ง ซึ่งแท้จริงแล้วไม่ว่าจะมีรัฐบาลในรูปแบบใดก็ตามก็อยู่ภายใต้อำนาจของ”ทุนนิยมผูกขาดโดยเอกชน”ทั้งสิ้น
ประชาชนจะต้องได้เขียนกฎหมายเองทางตรงไม่ผ่านตัวแทน ได้เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ทรัพย์ส่วนรวมไว้เอง บริหารจัดการเอง และแบ่งปันผลประโยชน์เอง ภายใต้รูปแบบ“ทุนนิยมผูกขาดโดยประชาชน”เท่านั้น จึงจะแก้ปัญหาของประเทศไทยได้ และประชาชนก็ไม่ควรจะออกไปตายเพื่อรัฐธรรมนูญของชนชั้นอื่น ที่ประชาชนไม่เคยได้อะไรเลย แต่ประชาชนจะรวมหมู่สู้อย่างเด็ดเดี่ยวเพื่อที่ประชาชนจะได้เขียนกฎหมายเอง ทรัพย์ทั้งหมดในประเทศมี 100 บาท
- ทุนศักดินาคืนให้ประชาชน 1บาท
-ทุนกราบกินคืนให้ประชาชน 3บาท
อีก 97 บาทหายไปไหน??? อย่าหลงดีใจกับเงิน 3บาทที่ได้มากขึ้นกว่าเดิมกันอยู่เลย เราจะต้องเอาคืนทั้งหมดให้ครบ 100บาท สู้ตายแล้วประชาชนจะต้องมั่งคั่งร่ำรวยขึ้นไปจนถึงลูกหลาน
“ทุนนิยมผูกขาดโดยเอกชน” เปลี่ยนเป็น “ทุนนิยมผูกขาดโดยประชาชน”
หากสู้ตายแล้วยังจะยากจนเหมือนเดิน ก็จะออกไปตายห่าเพื่อชนชั้นอื่นกันทำไมค่ะ ต้องเอาให้สุด เอาให้ถึงปลายทางค่ะ
เพจเสียงชาวบ้านวิชาการเพื่อชาวบ้าน 5/9/ 2558 


Friday, 28 August 2015

พม่าเขาไม่เกี่ยวกับการขายก๊าชให้โรงไฟฟ้าไทยหรอกครับ



พม่าเขาไม่เกี่ยวกับการขายก๊าชให้โรงไฟฟ้าไทยหรอกครับ

ที่ไทยต้องไปซื้อก๊าชจากพม่าในราคาแพงมากนั้น คือซี้อจากปตท.สผ ที่ได้รับสัมปานในการขุดก๊าชในพม่า รัฐบาลพม่าเขาไม่ได้รู้เห็นเรื่องนี้หรอกเขาเก็บเอาที่สัมปทานที่ทำสัญญากับเขาเท่านั้น ไอ้คนที่หลอกคนไทยว่าพม่าขายแพงและเป็นต้นเหตุให้ค่าไฟฟ้าที่คนไทยต้องจ่ายในราคาแพง แท้ที่จริงมันก็คือคนไทยที่มีผลประโยชน์ในปตท.สผ นั่นเอง 

เมื่อวันใดที่ประชาชนลุกขึ้นสู้และชนะ คนพวกนี้จะต้องโดนศาลประชาชนตัดสินประหารชีวิตและยึดทรัพย์ พ่อ-แม่-ลูก-เมียพวกมันให้เกลี้ยง สถานเดียว
สงคราม แห่งชนชั้น 28.8.2015

Thursday, 27 August 2015

รู้ทันศัตรู (๗) บัญชีศัตรู

บัญชีศัตรู
โดย  พอน ตาไว
กันยายน  ๒๕๕๗


   จากการล้อมปราบคนเสื้อแดงในการชุมนุมที่ถนนอักษะนั้น คนที่รอดตายจากการชุมนุม ได้ถูกไล่ล่าต่อเนื่องถึงบ้านเรือน มีคนถูกจับถูกสังหารและหลบหนีออกไปจากบ้านเรือนจำนวนมาก
   บทเรียนครั้งนี้ได้ชี้ให้เห็นว่า ศัตรูประชาชนนั้นได้มีข้อมูลฝ่ายประชาชนเป็นอย่างดี สามารถตามจับกุม ไล่ล่า และสังหารได้ถึงบ้านเรือน บางส่วนถูกเรียกเข้าไปรายงานตัว 


   ทำให้เห็นว่า ศัตรูประชาชนได้จัดทำบัญชีรายชื่อ ที่อยู่ และระบุพฤติกรรมของประชาชนที่จะเป็นอันตรายต่อการดำรงฐานะกดขี่ขูดรีดของพวกเขาได้อย่างแม่นยำ ซึ่งนอกจากฝ่ายอนุรักษ์นิยมจะจัดทำบัญชี จัดทำทำภาพถ่ายบุคคล องค์กร ติดตามกิจกรรม ติดตามความสัมพันธ์  ด้วยวิธีการสกดรอย ติดตามสอดแนมประชาชนได้เองแล้ว  ศัตรูยังได้ข้อมูลบุคคลจากการจัดทำบัญชีรายชื่อกำลังคนของฝ่ายคนเสื้อแดงเองอีกด้วย   อันถือเป็นความไร้เดียงสาทางการเมืองของแกนนำปฏิรูปกราบกินอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการจัดทำบัญชีคนเสื้อแดงแบบแยกประเภท ตามภาระกิจที่พวกเขารวมคนไปแลกเงิน  จนกลายเป็นการรวบรวมรายชื่อของประชาชนไปให้ฝ่ายศัตรูเสียเอง หลายครั้ง หลายบัญชี   ซึ่งเป็นบัญชีสำเร็จรูป ที่ระบุยอดจำนวนคนและแบ่งประเภทตามระดับความตื่นตัวของคนเสื้อแดงตามระดับฝีมือและความกล้าหาญที่พร้อมจะลงมือจัดการลงโทษปราบปรามฝ่ายอนุรักษ์ ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อพวกอนุรักษ์อย่างยิ่งอีกด้วย  เช่น บัญชีการ์ด บัญชีคนเสื้อแดงที่ต้องการต่อสู้แบบเข้มข้นแตกหัก ศัตรูได้บัญชีรายชื่อไปแล้วหาภาพบุคคลประกอบรายชื่อ ก็สามารถวางกำลังไปกำจัด กวาดล้าง หรือสังหารได้อย่างง่ายๆ

บัญชีคนเสื้อแดงตามเหตุการณ์สำคัญที่ถูกจัดทำขึ้นโดยฝ่ายปฏิรูป เช่น
   ๑.การจัดทำบัญชีคนเสื้อแดงผ่านกรณีถวายฎีกาเอาทักษิณกลับบ้าน
   ๒.การจัดทำบัญชีผ่านบัตรสมาชิก นปช.
   ๓.การจัดทำบัญชีกองกำลังนักรบฮาร์ดคอร์ของนายแรมโบ้
   ๔.การให้เงินเพื่อซื้อข้อมูลอดีต สมาชิก พคท.
   ๕.การจ่ายเงินเยียวยาพิเศษแก่การ์ด นปช.-ฮาร์ดคอร์ และสมาชิกขอนแก่นโมเดล ผ่านกิจกรรมของเมย์อียู









 การจัดทำบัญชีรายชื่อประชาชนแยกประเภทแล้วเหล่านี้ ได้ตกไปอยู่ในมือศัตรู อย่างจงใจ บางบัญชีถูกส่งให้ศัตรูแบบรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือจะเพราะไร้เดียงสาทางการเมืองก็ตาม  ต่างล้วนส่งผลต่อความเสียหายใหญ่หลวงตามมาอย่างต่อเนื่อง กระแสการต่อสู้ของประชาชนตกต่ำทรุดฮวบลงทันทีทุกพื้นที่ทั่วประเทศ


   ประชาชนจำนวนมากต้องหลบหนีออกจากบ้านเรือนไปต่างประเทศ และบางส่วนก็ซ่อนตัว หนีตาย หนีคดี อย่างทุกข์ทรมาน 
   และมีจำนวนไม่น้อยถูกตามตัวจนพบเจอในที่หลบซ่อนอย่างรวดเร็ว โดยศัตรูได้ใช้เครื่องมือและจากเทคนิควิธีการติดตามบุคคล  เช่น 
   ๑.ติดตามผ่านโทรศัพท์มือถือ/ ผ่านสมาร์ทโฟน ที่ระบุตำแหน่ง GPS 
   ๒.ผ่านการโอนเงิน กดเงินตามตู้เอทีเอ็ม
   ๓.ผ่านญาติ-เพื่อนสนิท-คนในครอบครัว
   ๔.รถยนต์ พาหนะ
   ๕.ผ่าน IPระบุตำแหน่งจากการใช้อินเตอร์เน็ต
   ๖.ผ่านการติดตามสืบเสาะจากเบาะแสพฤติกรรมส่วนตัว เช่น บ้านญาติ เพื่อน แฟน กิ๊ก ที่ทำงาน งานอดิเรก กีฬา งานสังคม ร้านอาหาร ฯลฯ


« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ตุลาคม 02, 2014, 04:35:56 PM »
อย่างไรก็ตาม ความสูญเสียจากการถูกตามไล่ล่าถึงบ้านเรือนและที่อาศัยชั่วคราวดังกล่าวนี้ ทำให้ประชาชนคนเสื้อแดง  ได้รับบทเรียนจากการร่วมต่อสู้มาก ทั้งต่อวิธีคิดของตนเองที่หวังพึ่งกลยุทธิ์ของแกนนำปฏิรูปอย่างวางใจ  จนได้รับบทเรียนทั้งตาย ทั้งบาดเจ็บ ที่เหลือก็แทบเอาชีวิตไม่รอด
นอกจากมี “บทเรียน” และรับผลเลวร้ายต่างๆ นานา ทั้งท้อถอย หดหู่ เสียใจ บางคนโกรธแค้นแกนนำแล้ว  ก็ยังมี “คำถาม”ใหม่ๆ  เพื่อตระเตรียมการลุกขึ้นสู้ครั้งต่อไปอีกด้วย  เช่น
   ๑. “ถ้าประชาชนจะเป็นฝ่ายไล่ล่าศัตรูบ้าง จะเป็นไปได้หรือไม่? มีความจำเป็นหรือไม่? อย่างไร? ทำไมจึงต้องยอมเป็นฝ่ายถูกไล่ล่า ถูกจับกุม ติดคุกทรมาน ถูกยิงถึงบ้านเรือน ถูกยิงตามถนนหนทางแต่เพียงฝ่ายเดียว?
   ๒.ประชาชนในท้องถิ่นจำเป็นต้องรู้หรือไม่ว่า ใครคือศัตรูที่อาศัยในท้องถิ่นนี้? มีจำนวนเท่าใด?  มีที่อยู่บ้านเรือนหลับนอนที่ใด?
   ๓. ศัตรูนอกท้องถิ่นสามารถจู่โจมมาทำร้ายประชาชนในหมู่บ้าน/ชุมชนนี้ได้หรือไม่? ประชาชนจะคิดมาตรการป้องกันตัว หรือลงมือเข้าจัดการก่อนได้หรือไม่? หรือจะตั้งรับ รอเป็นฝ่ายถูกกระทำ?
   ๔.ประชาชนจำเป็นต้องจัดทำบัญชีศัตรูของประชาชนบ้างหรือไม่? ทำอย่างไร? เพื่อใช้ทำอะไร? จะแยกประเภทความรุนแรงหนักเบากี่ระดับ และมีมาตรการจัดการกับศัตรูแต่ละประเภทอย่างไร? ลำดับขั้นตอนการจัดการ อย่างไร? จังหวะก้าวขั้นตระเตรียม ขั้นลงมือทำงาน และขั้นตอนหลังปฏิบัติงานเป็นอย่างไร?
   ๕.การได้มาซึ่งข้อมูลรายชื่อศัตรู หาได้จากที่ใดบ้าง? ใช้เกณฑ์อะไรแยกมิตร-แยกศัตรู-และประชาชน –จะจำแนกบัญชีบุคคลที่เป็นศัตรูและ บัญชีองค์กร หน่วยงาน สังกัดของศัตรูทางการเมือง เศรษฐกิจผูกขาด วัฒนธรรม จะมีกลไกชื่อหน่วยงานใดบ้าง? หน่วยงานใด มีคนที่โหดร้ายที่สุดอันตรายถึงชีวิตมวลชน หน่วยใดคนใดที่เป็นฝ่ายหนุนช่วยศัตรู เส้นทางสัญจรของศัตรู อาหารเสบียง ธุรกิจ พาหนะของศัตรูมีอะไรบ้าง? หน่วยใดคนใดที่จะแปรเปลี่ยนมาทำร้ายมวลชนได้ในอนาคต? หน่วยใดคนใดที่ชี้เป้าเป็นสายลับ
   ๖.ก่อนการจัดทำบัญชีศัตรู ต้องรู้อะไร? คิดอย่างไร? ทำอย่างไร? ใครจะเป็นผู้ร่วมคิด?ทำร่วมบ้าง? จัดทำตามลำพังคนเดียวได้ไหม? ทำรวมหมู่มีผลดีอย่างไร?  จะรักษาความลับอย่างไร?
   ๗.จะรักษาความปลอดภัยทางบัญชีอย่างไร? จะใช้ประโยชน์อย่างไร? ถ้าจดจำรายชื่อที่อยู่ของศัตรูได้แล้ว และศัตรูมีจำนวนไม่มาก รู้เป้าหมายตรงกันแล้ว ไม่ต้องเก็บบัญชีไว้จะปลอดภัยกว่าหรือไม่?
ถ้าประชาชนได้รับรู้ว่าใครคือศัตรู และประชาชนได้บันทึกในสมอง  สามารถจดจำบันทึกขึ้นบัญชีหนี้เลือดไว้ในจิตสำนึก เก็บเป็นความคับแค้นรอจังหวะล้างบัญชีได้แล้ว ก็ไม่ต้องลงบัญชีในสมุดอีกจะได้หรือไม่?


   ๘.หลักประกันชัยชนะคืออะไร?  จะใช้บัญชีศัตรูเป็นประเด็นริเริ่มชวนกันวิเคราะห์เป้าหมาย-วิเคราะห์สังคมท้องถิ่นร่วมกันจะได้หรือไม่?  
และจะใช้บัญชีศัตรูเป็นเครื่องมือต่อสู้ เพื่อ “เป็นฝ่ายกระทำ” หรือเป็น “ฝ่ายกำหนดเกม”ได้อย่างไร  ?
   ๙.วันเวลาจังหวะก้าวการลุกขึ้นสู้  จัดการล้างบัญชีหนี้เลือดศัตรู ให้พิจารณาดูความพร้อมจากอะไรบ้าง?
   ๑๐.รูปแบบการเคลื่อนกำลังประชาชนเข้าต่อสู้ มีกี่รูปแบบ มีกี่ขนาด มีกี่ภาระกิจ? ใช้กำลังคนแบบไหน? จำนวนอุปกรณ์ และการสนับสนุนก่อน-ระหว่าง-และหลังเสร็จภาระกิจ เป็นอย่างไร?
   ๑๑.การโค่นล้ม กำจัด กวาดล้าง และรักษาการ ต่างกันอย่างไร? มีจังหวะก้าวอย่างไร?
   วิธีการหาข้อมูลศัตรูทำได้หลายวิธี เช่น ระดมสมอง ทำกิจกรรมการกุศลวิ่งผ่านบ้านศัตรูเพื่อชี้เป้า ถ่ายภาพศัตรูที่ปรากฎตัวในงานพิธีหรือกิจกรรมประจำวัน  รวมรวมภาพ-ข้อมูลจากคนที่ทำงานใกล้ชิดศัตรู จากการสัมภาษณ์สอบถามข้อมูลจากคนที่อยู่ในบ้านเรือนศัตรู ค้นหาจากข่าวสารทางสื่อต่างๆ ฯลฯ แล้วรวบรวมบันทึกจัดเก็บไว้ อาจอำพรางปกเอกสารว่า “บัญชีคนดีศรีสังคม” และใช้ชื่อบุคคลโดยย่อ หรือ ใช้ระหัสลับ เป็นต้น

« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ตุลาคม 02, 2014, 04:38:19 PM »
“บัญชีศัตรู” เป็นเรื่องจำเป็นต้องจัดทำให้รู้ตรงกัน อย่างน้อยก็คือ “การศึกษาศัตรูร่วมกัน”แบบรู้เขารู้เราภาคปฏิบัติ ไม่ดีแต่พูด  ซึ่งเท่ากับเป็นการ“วิเคราะห์สังคมท้องถิ่นร่วมกัน” จะเห็นตรงกันหรือไม่? จะเห็นถึงอันตรายจากศัตรูทุกระดับร่วมกันหรือไม่? มาตราการดำเนินการตระเตรียมเอาชนะจะมีหรือไม่? หรือปล่อยไปตามยถากรรม
   บัญชีศัตรูนี้ จะทำให้ประชาชนเห็นตัวตนของศัตรู เห็นการเคลื่อนไหว และเห็นอันตรายจากศัตรู  ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนเป็นฝ่ายกระทำต่อศัตรูทั้งในระยะเตรียมการและวันลุกขึ้นสู้   มิใช่ ไม่รู้ว่าศัตรูคือใคร? อยู่ที่ไหน? ศัตรูจะมุ่งหน้าไปที่ใด?

ไม่ควรเอาแต่รอคอยแกนนำฝ่ายปฏิรูป ที่จะมาเรียกไปชุมนุม ให้ขึ้นรถ แล้วเดินพาหัวไปให้เขายิงทิ้งเปล่าๆ
   สำหรับ การจัดระดับความรุนแรงของศัตรูนั้น โดยทั่วไป มีการระดับจากอันตรายมากไปหาน้อย คือ
๑.สายลับชี้เป้า
๒.ผู้ถืออาวุธ
๓.ผู้บังคับบัญชาศัตรู
๔.กองหนุนต่างๆ
   ศัตรูเหล่านี้ มีทั้งคนที่เป็นศัตรูต่อประชาชนโดยฐานะทางชนชั้นหรือเป็นธาตุแท้ทางชนชั้นที่ดำรงชีพด้วยการกดขี่ขูดรีดคนอื่น ไม่ออกแรงทำมาหากินใดๆ ได้แก่
๑.  สมาชิกในชนชั้นทุนผูกขาดศักดินาเหนือรัฐ
๒. พวกปฏิกิริยา หรือกลุ่มคนที่แวดล้อมชนชั้นทุนผูกขาดฯ ที่เป็นผู้มีสันดานธาตุแท้เป็นภัยต่อประชาชนโดยจิตสำนึกและการกระทำ ขัดขวางประชาชนอยู่เป็นประจำ
๓.พวกสมัครใจ พวกอาสามัครรับใช้ หวังยศ ตำแหน่ง เงินทอง
๔.พวกทำงานอาชีพในหน่วยกดขี่ขูดรีด ทั้งทำหน้าที่กองหน้า เพื่อเข้าเผชิญหน้ารีดไถ ตบทรัพย์ประชาชน  คอร์รัปชั่น ค้ากำไร รีดดอกเบี้ย รีดค่าเช่า เก็บส่วย สมคบกินสัมปทานผูกขาด ขูดรีดค่าธรรมเนียมจากทรัพย์สินประชาชนเข้าส่วนตัว เก็บเงินกินเปล่าในสังกัดทุนผูกขาด ฯลฯ ซึ่งมีทั้งพนักงานภาครัฐและเอกชน
๕.พวกหลงผิด พวกรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งอาจเป็นประชาชนที่ยากจน แต่มีจิตสำนึกจุดยืนเพื่อชนชั้นสูง บางคนได้เคยลงมือทำร้ายประชาชนเพื่อชนชั้นสูงมาแล้ว  และรวมถึงผู้มีหนี้เลือดยิงประชาชน ในเหตุการณ์เรียกร้องประชาธิปไตยต่างๆ ด้วย
๖.พวกหลงผิดเมื่อถูกตักเตือนหรือจับกุมได้แล้ว เกิดสำนึกผิด  ซึ่งยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าจะกลับใจหรือไม่

  ส่วนมาตรการที่จะแก้ไขปัญหาการเอาชนะอย่างเหมาะสมแต่ละระดับความผิดและผลความเลวร้ายนั้น ประชาชน ในแต่ละท้องถิ่น ต้องพิจารณามาตรการอย่างรวมหมู่และเป็นธรรม
ซึ่งต้องมีการจัดลำดับการต่อสู้จัดการกับศัตรูแต่ละกลุ่มแตกต่างกันไป เช่น อาจลงโทษผู้ที่โหดร้ายทารุณที่มีหนี้เลือดหนี้ชีวิตกับประชาชนก่อน เพื่อกระตุ้นการตื่นตัวและประกาศความชอบธรรมทางการเมืองของฝ่ายปฏิวัติประชาชน
จากนั้นอาจจัดการกับหน่วยเศรษฐกิจของศัตรูก่อน เพื่อทำลายกำลังวังชาทางเศรษฐกิจ เช่น จัดการกับโกดังเก็บเงิน เพื่อมิให้ศัตรูมิเงินไปซื้ออาวุธมาฆ่าประชาชนอีก หรือตัดทิ้งสถานที่ เครื่องมือ ท่อ เส้นทาง พาหนะ บุคลากรด้านขูดรีดเพื่อลดปริมาณเงินกำไรไม่ให้ศัตรูมีเงินมาจ้างคนไปยิงมวลชน  และควบคุมหรือหยุดยั้งผลผลิตและกำไรที่ศัตรูได้ถือครองสัมปทานอยู่นั้นให้สนิท  เพื่อเอาทรัพยากรคืนมาเป็นของประชาชนที่ถูกปล้นชิงไป รวมถึงเอาเส้นทางสายดูดสายลำเลียงความมั่งคั่งไปส่งให้ศัตรู ซึ่งน่าจะต้องรีบหยุดยั้งยึดคืนอย่างไม่ลังเลอีกด้วย
   หรือบางแห่งอาจจัดการกับพาหนะเส้นทางสัญจรของศัตรู จัดการกับอุปกรณ์เครื่องใช้ของศัตรู หรือจะจัดการกับบุคลากรที่เป็นศัตรูประชาชนก่อนเพื่อป้องกันตนเองจากโจร  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรูปธรรม และแนวงานของท้องถิ่นเอง

ทั้งนี้ มีหลักการง่ายๆ ว่า 
๑.ศัตรูหรือโจรคือโครงสร้างและบุคลากรของทุนผูกขาดศักดินาเหนือรัฐที่มีอิทธิพลอเมริกา ที่มีจำนวนยกชนชั้น มีบุคลากรนับแสนทั่วประเทศ ทุกท้องถิ่น ที่ร่วมทีมกันกดขี่ขูดรีด-รักษา/ถือครองและร่วมใช้อำนาจกระทำทารุณกรรมประชาชน 
มีการกดขี่ทางการเมืองและขูดรีดทางเศรษฐกิจต่อประชาชนทั้งประเทศ ฉะนั้นประชาชนต้องมีชัยชนะเหนือศัตรู หรือหยุดการใช้อำนาจทุกชนิดของศัตรูไว้ได้ทั้งประเทศ ประชาชนจึงจะรอดตาย มีเสรีภาพ อยู่ดีกินดีด้วยมือประชาชนเอง
๒.ประชาชนที่มีความคิดการต่อสู้ทางชนชั้นสามารถออกแบบการเอาชนะได้เอง แบบรวมหมู่ และแปรงานอาชีพ แปรความใกล้ชิดกับศัตรู ทั้งในลักษณะคนทำงานในบ้านศัตรู คนขับรถ คนทำสวน คนเดินสายไฟให้ คนทำอาหารให้ คนรับจ้าง ลูกจ้าง รวมทั้งคนมีอาชีพไฟฟ้า ประปา ก่อสร้าง ทำครัว แพทย์ พยาบาล คนรับจ้าง แท๊กซี่ฯลฯ ต่างล้วนเป็นอาชีพที่ถูกขูดรีดปล้นชิง และเป็นผู้สามารถเป็นอันตรายต่อศัตรูต่อโจรได้ทั้งสิ้น  ถ้าประชาชนเหล่านั้น ติด”อาวุธความรู้ทางชนชั้น” เป็นประชาชนที่มีสำนึกปฏิวัติทางชนชั้น และได้ผ่านระยะ
๑.การสร้างเอกภาพทางความคิด (ผ่านการศึกษารวมหมู่ ผ่านการอ่านหนังสือหรือฟังทฤษฎีการต่อสู้ทางชนชั้นมาบ้าง ผ่านประสบการณ์เข้าร่วมชุมนุมมาบ้าง ฯลฯ)
๒. เอกภาพทางการปฏิบัติทำกิจกรรมเผยแพร่ความคิด ทำกิจกรรมสำรวจ จัดทำบัญชีศัตรูฯลฯ
๓. เอกภาพทางการจัดตั้ง ซึ่งเป็นช่วงที่ประชาชนสุกงอมทางความคิด มีประสบการณ์ หล่อหลอมจุดยืนทางการปฏิบัติแล้ว ก็เข้าสู้ขั้นเข้าร่วมการจัดตั้งของประชาชนฝ่ายปฏิวัติ และเมื่อถึงวันลุกขึ้นสู้ ประชาชน มวลชน แนวร่วม และนักปฏิวัติจะร่วมบริหารจัดการ”ชำระบัญชีกรรม” กำหนดเนื้องาน กำหนดคนทำงาน กำหนดพื้นที่ เพื่อเข้าสู่กลไกของอำนาจประชาชนโดยอัตโนมัติ หรือกล่าวว่า ประชาชนต้องรู้งานที่จะเข้าร่วมทีมหรือเข้าปฏิบัติการได้เอง ทั้ง ๓ ระยะ คือ
๑.ระยะสะสมชัยชนะ(อาจชำระบัญชีกรรมบางกรณีที่จำเป็นแบบปิดลับ) 
๒.ระยะลุกขึ้นสู้ โค่นล้มฉับพลัน และระยะกวาดล้างปฏิปักษ์ปฏิวัติ 
๓.ระยะเปลี่ยนผ่านอำนาจ เพื่อเอาบุคลากรเดิมที่เป็นโจรปฏิกิริยาอนุรักษ์นิยมออกไป แล้วบุคลากรของฝ่ายประชาชนเข้าสวมแทน รักษาการและสร้างสังคมใหม่ต่อไป
การดำเนินการทางบัญชีศัตรูโดยประชาชนนี้ จะเกิดขึ้นได้ จากประชาชนเองที่มีจิตสำนึกปฏิวัติทางชนชั้น มีความรู้ และการจัดตั้ง มีจังหวะก้าวการต่อสู้ เพื่อติดตามล้างบัญชีหนี้เลือดศัตรู โจรร้ายที่กระทำต่อประชาชนมานานหลายร้อยปีให้เสร็จสิ้นไปเสียก่อน  จึงจะก้าวสู่สังคมใหม่ มีอนาคตที่ดี มีหลักประกันชัยชนะอย่างมั่นคง.

ตัวอย่าง บัญชีกรรม (ใช้เป็นแนวคิด แนวอภิปราย แนวทางจัดทำเบื้องต้น)



หมายเหตุ การแบ่งประเภทโจรหรือบุคคล และองค์กรที่เป็นศัตรูของประชาชน ให้ตรงเป้าหมายนั้น  ควรพิจารณาตามหลักทางวิชาการในบทที่ ๔ว่าด้วยกลไกรัฐ  และ ๖ ว่าด้วยปฏิปักษ์ปฏิวัติ  ประกอบด้วย