Thursday, 30 April 2015

ไปไม่ถึงศัตรูของประชาชนที่แท้จริง ตัวการที่สร้างความเลวร้ายยากจนให้คนไทยสักที

ภาพนี้เอามาจากมวลชนของฝ่ายอนุรักษ์นิยม

หลังจากไล่ยิ่งลักษณ์ออกจากรัฐบาล ไล่ทักษิณออกไปนอกประเทศ ปัญหาความยากจนปัญหาการเมืองก็ไม่จบสักที มวลชนของฝ่ายอนุรักษ์นิยม(พันธมิตร-กปปส.) เริ่มมองเห็นว่าระบอบทักษิณไม่ใช่ศัตรูของประชาชนที่แท้จริงแล้วหละ ระบอบCPต่างหาก สู้ไปอีกหลายปีก็จะบอกว่าแท้ที่จริงแล้วเป็นเพราะระบอบไทยเวฟฯ หรือไม่ก็ระบอบสหพัฒน์ฯ ระบอบเบียร์สิงห์ ระบอบเชฟร่อน ฯลฯ

ไปไม่ถึงศัตรูของประชาชนที่แท้จริง ตัวการที่สร้างความเลวร้ายยากจนให้คนไทยสักที ปัญหาของพวกเขาคือไม่มีจุดยืนเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง และองค์ความรู้ที่มีกลับไปรับใช้ชนชั้นอื่น เห็นแค่CPแต่ไม่เห็นว่าใครอนุญาติให้CPมันเกิดขึ้นมาทำร้ายประชาชนได้


Wednesday, 29 April 2015

กฎหมายขายชาติ ขายแผ่นดิน!


กฎหมายขายชาติ ขายแผ่นดิน!!
มันไม่ใช่ความบังเอิญหรอกที่ พรบ.ปิโตรเลียม ม.13 สิทธิ์ในการถือสัมปทานไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี และพรบ.เหมืองแร่ ม.50 ผู้ถือประทานบัตร ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี ...เมื่อเป็นเช่นนี้กฎหมายไทยจึงใช้กับนายทุนต่างชาติหรือโจรปล้นชาติไม่ได้ มันจึงทำให้คนไทยเป็นทาสจวบจนทุกวันนี้
ไม่ใช่!! ว่าชาวบ้านที่เดือดร้อนเขาไม่ต่อสู้ เขาต่อสู้กันจนใจจะขาดแล้ว แต่กฎหมายที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยน้ำมือของคนไทย มันไปเอื้อประโยชน์ของนายทุน ทำให้คนไทยเป็นทาส ตายทั้งเป็น แล้วยังมีเจ้าหน้าที่รัฐที่คอยเอื้ออำนวยความสะดวกให้กับนายทุน จนลืมไปว่าตนเองกินเงินเดือนจากภาษีประชาชน จะกี่ยุคกี่สมัย รัฐบาลปกติหรือรัฐบาล คสช. ก็ไม่มีรัฐบาลใดที่ยืนอยู่ข้างประชาชน
ฝากไปถึง สนช. + ครม + คณะยกร่างรัฐธรรมนูญ คนไทยเขาไม่ได้โง่หรอกนะที่จะไม่รู้ว่ากว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะได้ใช้ พวกแกก็อนุมัติทั้งเหมืองทอง 300 แปลง เหมืองแร่ 6,000 แห่ง และสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 พร้อมพื้นที่พิพาทในอ่าวไทยก็จะเสร็จไปด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างมันไปตามเกม .....ประเทศไทยมีทั้งคนดีและคนไม่ดี แต่แผ่นดินนี้โชคร้ายที่คนเลวมีอำนาจ และดันทะลึ่งไปนอนอยู่ใต้อุ้งเท้าทุนสามานย์ ....อีกไม่นานผืนแผ่นดินไทยจะมีแต่เหมืองทองเหมืองแร่ ป่าก็ไม่มี เป็นแต่เขาหัวโล้น พื้นดินก็จะมีแต่หลุม บ่อ ยิ่งกว่าดวงจันทร์
.....ขจัดสีในใจแล้วร่วมมือกันต้านทุนสามานย์...
Cr.ชัดเจน


http://www.supremecourt.or.th/fi…/Environmental/Data/1_7.pdf
http://www.ilaw.or.th/…/d…/files/compare%20mining%20bill.pdf


 ทีี่มาจากเพจ  https://www.facebook.com/pages/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4/1415481875416125


เศรษฐศาสตร์การเมืองในยุคปัจจุบัน(วิเคราะห์เมื่อ 2554) // 3 ขบวนที่กำลังต่อสู้กันในสังคมไทย


// 3 ขบวนที่กำลังต่อสู้กันในสังคมไทย

จากบทวิเคราะห์สังคมไทยที่ใช้ทฤษฎีทางชนชั้นพบว่า อาการป่วยของประเทศไทยคือป่วยเป็นโรค "ทุนผูกขาดศักดินาเหนือรัฐ ที่มีอิทธิพลอเมริกาครอบงำ" พิจารณาตามการแสวงหาผลประโยชน์พบว่า มี3กลุ่มที่กำลังต่อสู้กันคือ

1. ทุนผูกขาดศักดินาเหนือรัฐ แชมป์เก่ามีอำนาจเต็ม เป็นผู้ถืออำนาจรัฐตัวจริง เป็นผู้ถือครองทรัพย์ในตลาดหุ้นที่ใหญ่ที่สุด ไม่ว่ารัฐบาลจะมาจากการเลือกตั้งพรรคใดก็ตามหรือแม้แต่รัฐบาลที่มาจากการทำรัฐประหาร ก็จะต้องซุกปีกกลุ่มทุนนี้ไว้ ไม่เช่นนั้นก็จะอยู่ไม่ได้ ส่วนประชาชนไม่เคยได้อะไรเลยจากกลุ่มนี้ แถมยังต้องหาเงินเลี้ยงพวกมันด้วยราคาที่แพงที่สุดในโล

2. ทุนผูกขาดสวามิภักดิ์รายใหม่ เติบโตมาจากธุรกิจสื่อสารมีหัวคิดก้าวหน้ากว่า แต่ก็พยายามที่จะขอกราบเพื่อขอเข้าไปหากินร่วม มือข้างนึงจะเกาะขาทุนผูกขาดศักดินาเหนือรัฐ ทั้งๆที่เขาพยายามถีบออก ส่วนมืออีกข้างก็เกาะประชาชนไว้เป็นฐานเสียงไว้ให้ออกไปตายเป็นศพ เพื่อจะได้เอาศพของประชาชนไปต่อรองในการขอหากินร่วมศักดินา ผลงานคือเคยโยนเศษกระดูก-ก้างมาให้ประชาชนเช่น 30บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้านละล้าน จำนำข้าวฯลฯให้ประชาชน จนเป็นที่ประทับใจไม่รู้ลืม

3. ประชาชน คือผู้สูญเสียสิ้นไร้ไม้ตอก ทั้งๆที่เป็นผู้ผลิต ผู้สร้าง ผู้ทำให้กับประเทศทั้งหมด ทรัพย์ที่มันของส่วนรวมทรัพย์ที่มันควรเป็นของประชาชน ถูกกลุ่มทุนผูกขาดต่างๆปล้นเอาไปเสียหมด แถมยังถูกขูดรีดในรูปราคาสินค้า ภาษี ค่าบริการต่างๆ ตอกเบี้ยเงินกู้ที่แพงที่สุดในเอเซีย มีทรัพยากรมหาศาลเช่นทรัพยากรพลังงานแต่คนไทยกลับยากจน แนวทางที่3นี้กำลังพูดคุยกันเอาปัญหาของประชาชนมาขบคิดกัน และสร้างสรรค์สังคมใหม่เพื่อประชาชน

- การเมือง ประชาชนต้องเป็นผู้ใช้อำนาจทางตรงเท่านั้น ไม่ใช่ให้ผู้แทนสมุนนายทุนเอาไปแดกร่วมกับศักดินาหมด เหมือนที่ผ่านมา
- เศรษฐกิจ เราจะไม่ทำลายทุนผูกขาด แต่จะเปลี่ยนมือจากเดิมที่ผูกขาดโดยเอกชน-ผูกขาดโดยสำนักทรัพย์ฯ ก็เปลี่ยนมาให้เป็นการผูกขาดโดยประชาชน ประชาชนจะต้องถือครองกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ส่วนรวมทั้งหมด ออกนโยบายเอง และแบ่งปันผลประโยชน์เองทั้งหมด
- สังคม จะต้องเชิดชูประชาชนผู้ทำมาหาเลี้ยงสังคมตัวจริง ความคิดงี่เง่าบ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ วิธีคิดที่งมงายไม่เป็นวิทยาศาสตร์จะต้องถูกกำจัดออกไป

ประชาชนแนวทางที่3มองเห็นทรัพย์ที่มีทั้งหมดในรูปของทรัพยากร ภาษี มูลค่าเพิ่มที่เกิดจากการแปรรูป การตลาด กองทุน ก็จะมองเห็นความมั่งคั่ง สู้แบบนี้รวยชาตินี้ไม่ต้องไปรอเอาชาติหน้า และไม่ต้องอยู่แบบเหมือนหมาใต้โต๊ะอาหาร รอแต่เขาจะโยนเศษกระดูกลงมาให้ ความเดือดร้อนความทุกข์ร้อนของประชาชนอยู่ที่เศรษฐกิจ ที่เป็นแก่นกลางของความขัดแย้งในสังคมไทย คนไทยไม่ได้เดือดร้อนเพราะไม่ได้ หย่อนบัตรเลือกตั้ง นี่ก็จะสิ้นเดือนค่างวดรถ ค่าผ่อนบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรฯ ค่าทางด่วน รถไฟฟ้า ร้านเซเว่น ให้ลูกไปโรงเรียน โอ๊ยๆๆ ทุนผูกขาดมันระดมซ้ำเติมคนไทยทุกทิศทุกทางเลยโว๊ย ประเทศอื่นเขามีสวัสดิการเรียนฟรีรักษาฟรี แต่นี่ต้องจำนองที่ดิน-รีไฟแนนท์เพื่อเอาเงินไปรักษาพ่อแม่

รวมพลังกันต่อสู้ทำสงครามทางชนชั้นได้แล้วขอรับ เพื่อตัวเราและลูกหลานเรา สู้แล้วจนเหมือนเดิมจะสู้ไปทำไม สู้แล้วเราต้องอยู่ดีกินดีขึ้น
 ที่มาจากเพจ https://www.facebook.com/groups/350909541786908/permalink/360463040831558/

Friday, 24 April 2015

ตั้งหน้าตั้งตาขุดต่อไป..ไม่รับรู้ไม่ สะทกสะท้านว่าจะมีใครเจ็บป่วยกี่คน.

ยัง ตั้งหน้าตั้งตาขุดต่อไป..ไม่รับรู้ไม่ สะทกสะท้านว่าจะมีใครเจ็บป่วยกี่คน.. กำลังส่งสารพิษไปในอากาศและลง ไปในดินเพื่อฆ่าประชาชนมากเท่าใดแล้ว...เสียงเรียกร้องถึงมาตรการให้ ช่วยเหลิอตรวจสอบการดำเนินที่ไม่ ชอบธรรมเงียบหายไปไม่มีใครหน้า ไหนได้ยิน..จะมีอีกสักกี่คนที่ต้องเจ็บป่วยแล้วล้มหายตายจากไป...หัวใจ ทำด้วยอะไรไม่หายใจเอาอากาศ
เหมือนคน ทั่วๆไปดอกหรือ...


ได้ รับรายงานจากชาวบ้านที่เป็นเวร ยามหน้าหลุมเจาะที่ผ่านมาได่เกิดปัญหาการขุดเจาะหลายครั้ง..และขณะนี้ได้ เกิดเหตุที่หลุมเจาะปิโตเลียมดงมูล5นามูล หัวขุดเจาะหักคาระหว่างทางการขุด...ทำให้สารพิษกระจายต้องรีบขนกากส่ารเคมี ออกจากพื้นที่ด่วน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกรม เชื้อเพลิงมาตรวจสอบด่วน..ที่บอกว่าไม่มีสารพิษมาสูดดมดู..เดี่ยวนี้เหม็น คุ้งไปทั่วหลุมเจาะ..แล้วประชาชนจะอยู่ยังไง

33 วัน ที่กลุ่มคนเหล่านั้น ทำร้ายดงมูล
วันนั้นเรากราบลงบนผืนดินดงมูล ขอขมาพระแม่ธรณีที่เราไม่สามารถปกป้องผืนดินจากการเข้ามารุกรานทำลายแผ่นดิน และขอให้ "พ่อปู่ดงมูล" ช่วยปกป้องแผ่นดินดงมูลไม่ให้คนเหล่านั้น เจาะใจดงมูล พวกเราสวดมนต์กว่าร้อย กว่าพันรอบ เพื่อวอนขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์
วันนี้ มีหลายเรื่องราวเกิดขึ้นที่อธิบายไม่ได้
พ่อปู่ดงมูลปกป้องเรา เราร่วมปกป้องดงมูล


ผมจะบอกให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนคนไทยทุกท่านทราบว่าใครที่มีที่ดินเป็น โฉนด, นส.3 ที่มีน้ำมันดิบว่า ใครก็ไม่สามารถมาเอาของท่านได้แม้แต่รัฐบาลก็ไม่สามารถมาเอาของท่านได้ ถ้าจะเอาก็จะต้องขอซื้อหรือขอเช่าจากท่านและต้องได้รับอนุญาตจากท่านก่อน

ประชาชนอาจจะต้องจับมือกันลุกขึ้นมาจัดการธุรกิจผูกขาดกันเอง

ระบบการค้าที่ไร้จริยธรรมหวังเพียงผลกำไรนั้นจะทำลายสังคมไม่ต่างกับฝูง ตั๊กแตนที่ลงกินไร่จนหมดแล้วบินจากไปกินไร่อื่นต่อ แต่ถ้าเป็นการค้าที่ไม่ได้ข้ามชาติแล้วยังใช้ระบบฝูงตั๊กแตนกินไร่ในการทำธุรกิจ ฝูงตั๊กแตนจะต้องอดตายไปพร้อมกับไร่นั้น
ซีพี ก็เช่นกัน ถ้ากินประเทศไทยจนหมดแล้วก็คงต้องตายไปพร้อมกับประเทศ เพราะ ซีพี เองเคยผันตัวเองออกไปทำธุรกิจข้ามชาติแล้วไปไม่รอด เพราะรัฐบาลประเทศนั้นๆต่างก็ดูแลไม่ให้เกิดการผูกขาดขึ้นในประเทศของตัวเอง ถ้าผิดจากแนวทางถนัดของ ซีพี ก็จะแข่งขันแบบเป็นธรรมกับใครไม่เป็น
เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงประเทศแม็กซิโกและอาเจนติน่าที่โดนระบบการค้าทุนสูง เข้าถล่มอุตสาหกรรมเษตรของตัวเองจนล่มสลายมาแล้ว จนทำให้เกษตรกรกลายมาเป็นแรงงานราคาถูกไร้อนาคตจากอาชญากรรมทางเศรษฐกิจโดย อำนาจทุนที่เหนือกว่าเข้ากำหนดตลาดจนเกษตรกรรายย่อยอยู่ไม่ได้ หลายสิบปีผ่านไปทั้งชุมชนและวัฒนธรรมของประเทศเปลี่ยนไปแบบที่เรียกกลับมา เหมือนเดิมอีกไม่ได้ บ้านแตกสาแหรกขาด คนหนุ่มสาวในบ้านต้องออกไปขายแรงงานทิ้งเด็กและคนแก่ไว้ที่บ้านแทนที่จะทำ การเกษตรเหมือนสมัยเก่าอยู่กันครบหน้ากับครอบครัว
มันคืออาชญากรรมทางเศรษฐกิจ โดยอำนาจทุนที่เหนือกว่าสมคบกับนักการเมืองที่ไม่ทำหน้าที่ปกป้องประชาชนของ ตัวเอง ทำลายรากฐานของประเทศจนสังคมดั่งเดิมของประชาชนอยู่ไม่ได้
ทุกวันนี้ประเทศไทยกับแม็กซิโกจะคล้ายกันที่สินค้าการเกษตรถูกคุมตลาด จากบริษัทที่ผูกขาด จนทำให้เกษตรกรกลายเป็นกรรมกรแรงงานบนที่ดินของตัวเอง เม็ดพันธุ์ แม่พันธุ์ ปุ๋ย อาหารสัตว์ ยาฆ่าแมลง จนถึงการบังคับทำสัญญาขายผลผลิตที่เกือบไม่เหลือเงินกำไร ขณะที่สังคมพื้นบ้านของเกษตรกรอ่อนแอลงไปทุกขณะ บริษัทผูกขาดก็กำไรมากขึ้นจนกลายเป็นบริษัทอันดับหนึ่งของประเทศที่รัฐบาล ทุกรัฐบาลต้องเกรงใจ
ทั้งที่รัฐบาลเองก็สามารถออกกฎหมายผูกขาดทางการค้าออกมาใช้ปกป้องประชาชนได้ แต่ก็ไม่มีรัฐบาลไหนเลยที่ออกมาทำกฎหมายนี้เพื่อบังคับใช้เพื่อหยุดการปล้น ประชาชนทั้งประเทศแบบผูกขาด
ในสังคมเมืองเองก็ใช่ว่าจะรอดพ้นจากการผูกขาดโดยบริษัทใหญ่แบบนี้ ในแม็กซิโกเองห้างสรรพสินค้าใหญ่อย่างวอลล์มาร์ทเข้าไปผูกขาดการค้าปลีกค้า ส่งไปจนคลุมทั้งพื้นที่จนหมด ไม่ต่างอะไรกับที่ห้างสรรพสินค้าแคร์ฟูเข้าครองการค้าปลีกและส่งของอาเจนติ น่า จนมีอำนาจผูกขาดโดยสมบูรณ์ที่สามารถกำหนดส่วนแบ่งทางกำไร 85%-15% ระหว่างห้างและเกษตรกรหรือผู้ค้าส่งสินค้าเข้าห้างจนเกษตรกรและผู้ค้าราย ย่อยอยู่ไม่ได้
ทุกวันนี้สังคมเมืองของประเทศไทยก็ไม่ต่างกัน ผู้ค้ารายย่อยถึงกับต้องปิดตัวเองลงทั้งหมดเมื่อมีร้านสะดวกซื้อของ ซีพี เข้าไปตั้ง ซึ่งกินตลาดเข้าไประดับล่างจนถึงร้านอาหารที่ต้องสู้กับอาหารกล่อง ไปจนแม้แต่รถเข็นหมูปิ้งก็ยังต้องสะเทือนที่ร้านสะดวกซื้อของ ซีพี ก็ขายหมูปิ้งเช่นกัน แม้กระทั่งธุรกิจพื้นฐานแบบซักรีด ซีพี ก็เข้าไปจับตลาดในร้านสะดวกซื้ออีกแล้ว อุตสาหกรรมพื้นฐานหลายอย่างที่ส่งสินค้าเข้าไปขายก็โดนแย่งตลาดโดยมีของที่ ห้างโลตัสและซีพี ผลิตติดตราของตัวเองออกมาแข่งบนหิ้งเดียวกันแต่ราคาถูกกว่า แล้วไล่สินค้ายี่ห้อดั่งเดิมออกไปวางที่หิ้งหลังร้านแทน
เวลานี้ทั้ง เทสโก้โลตัส และ แม็กโคร ก็โดนซื้อจาก ซีพี ไปเรียบร้อยแล้วจะบอกว่าการค้าส่งและค้าปลีกเกือบทั้งประเทศ อยู่ในกำมือของบริษัทเดียวก็ว่าได้ การแข่งขันราคาสินค้าก็หมดไป จะตั้งราคาบวกกำไรอย่างไรก็ได้เพราะทุกอย่างอยู่ในมือหมดแล้วไม่ต่างกับแม็ก ซิโกและอาเจนติน่า นอกจากธุรกิจการสื่อสาร ผู้ให้บริการเครือข่า่ยโทรศัพท์นับล้านหมายเลข เคเบิลทีวีรายใหญ่ที่สุด เวลานี้ ซีพี บุกเข้าจับธุรกิจ ลอจิสติกส์ส่งของแข่งกับไปรษณีย์ไทย และกำลังจะมีธนาคารของตัวเองที่ทำธุรกรรมการเงินได้ในร้านสะดวกซื้อตลอด 24ชั่วโมง สามารถออกเครดิตการจับจ่ายได้จนถึงระดับล่าง และในเวลานี้กำลังมีความสนใจจะเข้าไปจับการลงทุนในระบบรถไฟระบบใหม่ที่กำลัง จะสร้างอีก
ประเทศไทยยังเหลืออะไรอีก ตั้งแต่สังคมพื้นฐานเกษตรกรก็โดน ซีพี เข้าคุมกลไกทั้งหมดตั้งแต่ การผลิต การตลาด ทั้งซื้อและขาย จนเกษตรกรกลายเป็นกรรมกรราคาถูกรับจ้างปลูกหรือผลิตในที่ดินของตัวเอง สังคมพื้นฐานในเมืองก็โดนแทรกแซงการค้าปลีกจนไม่เหลือร้านค้าปลีกประจำถิ่น อีกต่อไปแล้ว สังคมพื้นฐานอุตสาหกรรมการผลิตรายย่อยก็โดนแทรกแซงจากการกีดกันสินค้า ลอกเลียนสินค้าออกขายแข่ง แม้กระทั่ง ถล่มราคาขายถูกกว่าทุนจนรายย่อยอยู่ไม่ได้ แล้วก็ขึ้นราคากลับสู่ปกติเมื่อไร้คู่แข่งแล้ว
รวมถึงปัญหาทำลายสิ่งแวดล้อมสนับสนุนทางอ้อมให้เกษตรกรบุกพื้นที่ป่าชุมชน ที่เป็นพื้นที่ภูเขาเพื่อปลูกข้าวโพดและเผาซากไร่เก่าจนปัญหาควันไฟกลายเป็น ปัญหาใหญ่ แม้กระทั่งสนับสนุนประมงอวนรุนผิดกฎหมายทางอ้อมที่ทำลายตัวอ่อนของสัตว์น้ำ โดยรับซื้อปลาเล็กปลาน้อยที่ยังไม่โตเต็มวัยมาเข้าโรงงานทำอาหารสัตว์
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมารัฐบาลและนักแสวงโชคทางการ เมืองที่เปลี่ยนหน้ากันขึ้นมาบริหารประเทศจะมองไม่เห็นไม่รับรู้ผลกระทบทาง ด้าน เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และการเมือง จากการผูกขาดการค้าของ ซีพี แต่ไม่เคยมีรัฐบาลไหนจัดการกับปัญหาการผูกขาดอันนี้ ทั้งที่ประเทศเจริญแล้วที่มีกฎหมายดูแลประชาชนดีๆ เขามีกฎหมายป้องกันการผูกขาดการค้าทั้งนั้น ไม่ปล่อยให้บริษัทไหนหรือตระกูลใดกำอนาคตทางธุรกิจผูกขาดทั้งประเทศจนยิ่ง ใหญ่ได้ขนาดนี้
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อคือ คนไทยมีเลือดนักสู้ไม่เหมือนคน แม็กซิกัน หรือ อาเจนไตน์ ที่คนไทยจะออกมาสู้ก่อนที่หลังจะชนฝา สักวันในเร็วๆนี้ถ้า ซีพี ยังทำเรื่องเอาเปรียบสังคมออกมาเรื่อยๆ วันนั้นคนไทยอาจจะลุกขึ้นมาสู้กับ ซีพี ..... ถ้ารัฐบาลยังพึ่งไม่ได้ แม้แต่รัฐบาลทหารปัจจุบันนี้ก็ตาม ถ้าไม่จัดการเรื่องนี้ ผมคิดว่าประชาชนอาจจะต้องจับมือกันลุกขึ้นมาจัดการธุรกิจผูกขาดกันเอง
จากเพจ 
https://www.facebook.com/von.richthofen.7?fref=photo
Pat Hemasuk
  • เกลียดลูกอีช่างแขวะ แม่มึงไม่สั่งสอน คน ไทยยังคงจำกันได้ไหม ? ครั้งหนึ่ง เมื่อหลายปีก่อน คนทำนากุ้งเจ๊งกันระนาว เพราะคนๆนี้เอากุ้งกุลาดำจากเขมรมาขายราคาถูกๆในเมืองไทย คนไทยที่ทำนากุ้งต้องฆ่าตัวตายไปหลายคน ที่ยังอยู่ก็ขาดทุนย่อยยับ .. หลังจากนั้น เรื่องไข้หวัดนกอีก คนไทยที่เลี้ยงไก่ไข่ - ไก่เนื้อ แบบฟาร์มเปิด ก็เจ๊งกันระนาวอีกครั้ง แต่ฟาร์มไก่ของมันเป็นฟาร์มปิดไก่กลับไม่โดนไข้หวัดนกสักตัวเดียว ตอนนั้นข่าวออกมาว่าเป็นแผนของมันเหมือนกัน อยู่มาไม่นานเรื่องพืชจีเอ็มโอ ก็เป็นความคิดของมัน ซึ่งเป็นพืชตัดต่อที่อันตรายต่อสุขภาพของคนกิน ทุกวันนี้พืชตัดต่ออันตรายเหล่านี้มันเอามาวางขายให้คนไทยกินในโลตัสของมัน โดยเฉพาะแตงโม ส่วนการทำผืนดินให้เสียหายด้วยการส่งเสริมให้ชาวนา ชาวไร่ใช้สารเคมีมันก็ทำมาตลอด ม.เกษตรซึ่งทำหน้าที่ดูแลเกษตรทั้งประเทศมันควบคุมไว้หมดแล้วทั้งๆที่ไม่ใช่ หน้าที่ของมัน..ครั้งหลังสุด ก็เรื่องจำนำข้าวที่เมืองไทยเสียหาย 700.000 ล้าน นี่ก็เป็นแผนการของมันทั้งสิ้น เพราะมันทำข้าวขายด้วยคือ ยี่ห้อ ตราฉัตร กับยี่ห้อ โลตัส
  • สุภาพร ศิรินาม ตลาดโลกของซีพี ก็คือการทำลายทุกอย่างของประเทศไทย ด้วยกลโกงง่ายๆคือซื้อตัวคนขายชาติ ที่มีอำนาจในประเทศ
     
     
     
     

ประเทศไทยไม่ได้มีไว้แบ่งขาย..

ประเทศไทยไม่ได้มีไว้แบ่งขาย..
ว่าด้วยเรื่องการทำหนังสือหรือสัญญาระหว่าประเทศ....พระมหากษัตริย์ทรงไว้ ซึ่งพระราชอำนาจในการทำหนังสือสัญญาสันติภาพสัญญาสงบศึก และสัญญาอื่น กับนานาประเทศหรือกับองค์การระหว่างประเทศหนังสือสัญญาใดมีบทเปลี่ยนแปลง อาณาเขตไทยหรือเขตอำนาจแห่งรัฐ หรือจะต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามสัญญา ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา
- รัฐธรรมนูญ2540 ม.224 เกิดช่องโหว่ทำให้ทักษิณแอบไปทำข้อตกลงหรือที่เรียกว่า MOU44 กับกัมพูชา ซึ่งMOUนี้จะทำให้ไทยสูญเสียพื้นที่ในอ่าว ไทยและแหล่งพลังงานที่ดีอันดับต้นๆของโลก ถือได้ว่า MOU44 เป็น MOUเถื่อนเพราะไม่ผ่านรัฐสภา แต่จนแล้วจนรอดมาถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีรัฐบาลชุดไหนคิดจะยกเลิก MOU ขายชาติขายแผ่นดินฉบับนี้ ...(อย่าบอกนะว่าประชาธิปัตย์ยกเลิก เพราะเรื่องที่จะยกเลิกนั้นเอาไปหมักดองไว้ จึงกระทำการได้ไม่สำเร็จ) ปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าว ได้เป็นสัมปทานของเชฟรอนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แค่รอเวลาขุดเจาะปิโตรเลียมและก๊าซอย่างเปิดเผยเท่านั้น
- รัฐธรรมนูญ2557 (ชั่วคราว) ม.23 ความสรุปคือการทำหนังสือสัญญาระหว่างประเทศให้ได้รับความเห็นชอบจาก สนช. โดยไม่ต้องทำประชาพิจารณ์และเมื่อเกิดปัญหาจะให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหรือ ไม่ก็ได้ ดังนั้น ม.23 จึงสามารถนำมาใช้ร่วมกับ MOU44 ของทักษิณ ซึ่งกระทรวงพลังงานและกระทรวงต่างประเทศยุค คสช. ได้ดำเนินการสานต่อ MOU44 โดยให้ความร่วมมือกับกัมพูชาในการเจรจาพื้นที่พิพาทในอ่าวไทย และในช่วงรัฐบาล คสช. นี้ได้แต่งตั้งให้พล.อ.ประวิตร เป็นประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา และเจรจาพื้นที่พิพาทเพื่อแบ่งปันผลประโยชน์ในอ่าวไทย ทั้งที่ผืนทะเลเป็นของคนไทย แต่กลับจะไปยกผลประโยชน์ให้กัมพูชา ไม่รู้ว่าท่านเอาสมองส่วนไหนคิด???
- ร่างรัฐธรรมนูญ2558 ม.193 ...คือเพิ่มอำนาจให้ประชาชนได้มีโอกาสตรวจสอบ ความโดยสรุปก่อนทำหนังสือสัญญากับนานาประเทศ ครม.ต้องให้ข้อมูลและจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและต้องชี้แจง ต่อรัฐสภา และเมื่อลงนามในหนังสือสัญญาแล้ว ก่อนที่จะแสดงเจตนาให้มีผลผูกพัน ครม. ต้องให้ประชาชนสามารถเข้าถึงรายละเอียดของหนังสือสัญญา และเมื่อเกิดปัญหาให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ชี้ขาด..เป็นมาตราที่ดีและน่าสนับ สนุนเป็นอย่างยิ่ง
** มาวันนี้ ก.พลังงานได้ออกมาต่อต้าน ม.193 อย่างเต็มกำลัง เพราะว่า ก.พลังงานมีความมุ่งมั่น (กระเหี้ยนกระหือรือ)ที่จะทำสัมปทานปิโตรเลียมให้ได้ ...จึงขอฝากบอก ก.พลังงาน แผ่นดินไทยไม่ได้มีไว้ให้ใครคนใดคนหนึ่งขาย...
Cr. ชัดเจน


 จากเพจ
เปิดหลักฐานโจรปล้นชาติ
https://www.facebook.com/pages/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4/1415481875416125


 

มหาอำนาจตัวจริงเรื่องของพลังงานในประเทศ อีกไม่นาน

มีคนชอบพูดกันว่า ทำไมฮิตเลอร์ไม่เคยพูดถึงก.พลังงานเลย
ผมรับเงินคนก.พลังงานมาหรือเปล่า ทำไมถึงมุ่งโจมตีแต่CP
เพื่อเบี่ยงเบนเรื่องพลังงาน...
ผมคงตอบได้เพียงแค่ว่า เพราะพวกเขาเหล่านั้นไม่เคยรู้เรื่องของประเทศตนเองได้ดีเลย พวกเขาจึงเกิดขึ้นมาได้เพียงแค่การเป็นทาสรับใช้ที่มืดบอดไปตลอดชีวิตของเขา คุณยังรู้จักCPน้อยไป
นี่ล่ะคือมหาอำนาจตัวจริงเรื่องของพลังงานในประเทศ อีกไม่นาน
ทุกคนจะต้องจดจำคำพูดของผมไปจนวันตาย ว่านี่คือบุคคลที่จะเข้าควบคุมและกำหนดเรื่องพลังงานทุกอย่างในชาติ เพราะทุกอย่างมันได้ถูกวางเอาไว้หมดแล้ว ตั้งแต่คนทรยศชาติที่ยกพื้นที่ให้เขมร นั่นคือขุมทรัพย์มหาศาลของพวกตระกูลตาชั้นเดียว ที่จะได้ทุกอย่างที่พวกเขาปรารถนา...พร้อมกับการทยอยกันเข้ามาร่วมสมทบกัน อีกหลายตระกูลเพื่อร่วมกันสุมหัวปล้นประเทศชาติและสูบกินเลือดเนื้อคนไทย ทั้งชาติ....ไม่ต่างกับพวกยิว ที่ทำกับคนชาติเยอรมัน คราวนี้คุณจะได้ตื่นรู้และหูตาสว่างกันซักทีว่าทำไมฮิตเลอร์ที่คุณเกลียดกัน นักหนาถึงได้ลุกขึ้นมากำจัดคนพวกนี้ทิ้ง แม้กระทั่งคนในชาติบางส่วนซึ่งไม่ต่างจากพวกข้าราชการนักวิชาการขายชาติใน บ้านเมืองนี้ ..หากยังมีคนที่ยังขัดข้องใจในบทความนี้ ก็จงคิดกันง่ายๆว่า ทุกวันนี้คุณทำงานหนักหาเงินให้ใครกันแน่ คุณแน่ใจนะว่าเงินของพวกคุณจะไม่เข้าไปใกระเป๋าของคนพวกนี้ คุณไม่มีทางหนีพวกคนเหล่านี้พ้นหรอก แม้คุณจะพยายามกันขนาดไหน และเลิกหวังหาน้ำใจและความเมตตาจากคนพวกนี้..เพราะระบบทุนสามานย์แบบยิิว.. มีแต่ได้ไม่เคยให้และไม่มีศาสนาอะไรที่จะให้คนพวกนี้ต้องปฎิบัติตาม......
...นี่ล่ะคือเป้าที่ชัดเจนที่สุด ผมจึงไม่มีความจำเป็นต้องไปเสียเวลากับพวก ก.พลังงาน ตามแบบฉบับของความคิดของพวกทาสรับใช้
ที่หูหนวกตาบอด มันเสียเวลา!!

(ฮิตเลอร์)

  • Krittaphon Sutabud ไม่ มีกลุ่มไหนผู้นำคนไหนกล้าแตะพูดถึงCPเลย ผมว่านี่แหละศัตรูของประชาชนตัวจริงทุกยุคทุกสมัยมันแทรกซึมอยู่เหนืออำนาจ รัฐตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางการเงินการธนาคาร กภาคเศรษฐกิจ การตลาด พลังงานการเมือง ตอนนี้ซีพีชูนโยบายการตลาดสวยหรูว่า ครัวของโลก อาหารมั่นคง สังคม พึ่งตน ดินน้ำป่าคงอยู่ อยากให้คนไทยลองคิดดูตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาประเทศไทยเป็นดั่งคำโก้หรู เป็นดั่งสโลแกนเหล่านี้หรือไม่ ทำไมประชากรหลักโดยเฉพาะเกษตรกรถึงจนลงทุกปี เป็นหนี้เป็นสินแทบล้มละลาย ลืมตาอ้าปากในประเทศนี้ได้ไหม โดยเฉพาะราคาผลิตผลเกษตร ราคาข้าวเปลือก แต่ทำไมปุ๋ยเคมีกลับราคาขยับสูงขึ้นสิบเท่าทุกปี ไหนจะสารเคมีอีก ผูกขาดเมล็ดพันธ์พืชอีก คนกลุ่มนี้คงต้องการมีอิทธิเหนือโลกนี้ครอบงำโลกนี้เหมือนแบบกลุ่มยิว ที่ผูกขาดการเงินการธนาคาร เศรษฐกิจการทหารการเมืองเทคโลโลยีของโลก แต่ตอนนี้ซีพีน่าจะครอบงำผูกขาดประเทศนี้ได้เกือบหมดแล้ว
  • สหพร ทิพย์จำนงค์ น่า สนใจตรงที่มันเป็นทุนเหนือรัฐตั้งแต่มันยังไม่รวยมาก กระบวนการอวยและอำนวยการสร้างเกิดขึ้นตลอดเวลาแบบไม่เว้นไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล ใหนๆแม้แต่รัฐบาลเดียว หลังจากแผนพัฒนาฉบับแรกมันก็โตเอา โตเอา และโตเอา ภายใต้แผนพัฒนาทุกฉบับ


 จากเพจ 
 https://www.facebook.com/pages/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4/1415481875416125


หากไม่มีวันนั้น คงไม่มีวันนี้·

หากไม่มีวันนั้น คงไม่มีวันนี้
พรรคประชาธิปัตย์ออกมาเอะอะโวยวาย รุมจวกรัฐบาลทหารว่าติดลมจะอยู่ต่ออีก 3 ปีบ้าง ผิดคำพูดบ้าง ไม่สร้างความเชื่อมั่นบ้าง ทำให้ประชาชนอึดอัดบ้าง ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำบ้าง
ก็แล้วใครล่ะครับ ที่ทำให้เป็นแบบนี้? ไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์หรอกหรือที่ให้ สุเทพ เทือกสุบรรณ ออกมาเล่นบท “ลุงกำนันคนดี” อ้างว่ารักชาติ ขัดขวางการเลือกตั้ง เรียกร้องการปฏิรูป ยุบสภาแล้วยังไม่พอใจ สร้างความปั่นป่วนให้บ้านเมืองไม่เว้นแต่ละวัน สุดท้ายหาทางออกไม่ได้ก็เรียกร้องให้ทหารออกมา
ส่วนลุงกำนันที่แสนดี ก็เปิดตูดหนีไปบวช ทิ้งซากยับเยินของประเทศไว้ข้างหลัง
แล้ววันนี้จะมาเรียกร้องโวยวายหาอะไร? ก็ดันไปเรียกเขามาเอง
แต่หากจะว่ากันให้เป็นธรรม พรรคเพื่อไทยก็มีส่วนทำให้สถานการณ์บานปลายมาจนถึงขนาดนี้ เพราะหากไม่โลภมากเอากฎหมายนิรโทษกรรมซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนเข้าสภา ลักหลับผ่านกลางดึก พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่สามารถฉวยโอกาสเอาเหตุมาต่อต้าน สุเทพก็ไม่สามารถจัดตั้ง กปปส.
มีหรือที่ฝ่ายค้านอาชีพอย่างพรรคประชาธิปัตย์ จะปล่อยให้นาทีทองแบบนี้หลุดลอยไปได้?
ดังนั้นจะไปโทษพรรคประชาธิปัตย์เสียทีเดียวคงไม่ได้ พรรคเพื่อไทยก็มีส่วนร่วมสร้างความฉิบหายพอๆกัน
แต่คนที่ซวยสุดซวย “หนีเสือปะจรเข้” ก็คือประชาชนคนเดินดินอย่างเราๆท่านๆ ที่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด แบกรับปัญหาที่นักการเมืองก่อไว้อยู่ร่ำไป
ภายใต้การบริหารงานของ “รัฐบาลท็อปบู๊ท” เราได้ยินเสียงของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พูดถึงเรื่องประชาธิปไตยหลายต่อหลายครั้ง แต่เป็นประชาธิปไตยที่มีสำเนียงแตกต่างจากประชาธิปไตยของคนอื่นเขา
บรรดานักการเมืองทั้งประชาธิปัตย์และเพื่อไทย ก็อย่าได้เสนอหน้ามาบ่น ต่อว่า หรือหวาดกลัวรัฐบาลที่มีกองทัพสนับสนุนอยู่เบื้องหลังนักเลย
เพราะหากทั้งสองพรรคใหญ่ไม่ทำเละเทะเอาไว้ในวันนั้น ก็คงไม่มีรัฐบาลประยุทธ์ในวันนี้

  จากเพจ https://www.facebook.com/ChuvitOnline  ชูวิทย์ I'm No.5 7 April at 10:53



ไม่ว่าช้าหรือเร็วแกนนำนปช.จะต้องปฏิเสธทุกกรณี

งง กับรายงานข่าวที่ว่า จตุพร (และ ปชป) เสนอความเห็นในที่ประชุมเมื่อวาน ให้เลื่อนเลือกตั้งไป แน่นอน ผมไม่ให้ความสำคัญกับเลือกตั้งภายใต้ รธน คสช และเห็นว่า รธน คสช เป็น รธน เฮงซวย ในส่วนทีทั้ง จตุพร (หรือ ปชป) ถ้าต้องการจะบอกว่า รธน ไม่ดี ออกไปแบบนี้ก็มีแต่จะเป็น "ระเบิดเวลา" (คำของจตุพร) ก็โอเค แต่การเสนอให้เลื่อนเลือกตั้งออกไปนี่มีประโยชน์อะไร? (จตุพรเสนอให้ทำประชามติด้วย ซึ่งก็โอเค แต่เรื่องนี้ยังเป็นปัญหาเชิงยุทธวิธีว่า ถ้าเกิด คสช ให้มีประชามติจริงๆ ควรร่วมด้วยหรือไม่ แต่เอาเข้าจริง เรื่องประชามติ ก็ไม่มีวี่แววจะมีอยู่แล้ว) ประเด็นคือ ผมมองว่า การประชุมเมื่อวานมันไร้สาระ คือ ไม่มีวี่แววว่า คสช จะเอาข้อเสนออะไรก็ตาม ที่ต่างออกไปจากแผนคุมอำนาจนักการเมืองตาม รธน นั้น ไปปฏิบัติอยู่แล้ว ดังนั้น การเสนอเรื่อง เลื่อนเลือกตั้งออกไปก่อน ๒-๓ ปี เพื่อทำให้ รธน ดีขึ้นก่อนอะไรแบบนั้น ก็ไม่มีประโยชน์ ไร้สาระ และเหมือนกับไปยอมรับกลายๆด้วยว่า กระบวนการมาร่าง รธน แบบนี้ เป็นเรื่องปกติ
ผมคิดว่าในปริบทของการประชุมที่ไม่มีความหมายอะไรแบบนั้น สิ่งที่นักการเมือง โดยเฉพาะที่เป็นแกนนำเสื้อแดงด้วยอย่างจตุพร ควรทำมากที่สุด ก็แถลงแค่ว่า ไม่ยอมรับ รธน หรือกระบวนการที่ทำอยู่นี้ (ในบรรดาคนที่ออกมาให้ข่าวเมื่อวาน เด็กนักศึกษา ๒ คน พูดเข้าท่าที่สุด ที่ว่า ทหารนั่นแหละตัวปัญหา)
ผมคิดว่า น่าจะเกินเวลาที่ พรรคเพื่อไทย-นปช จะแถลงอย่างเป็นทางการว่า ตกลงเอายังไงกับกระบวนการผลักดัน รธน ของ คสช ตอนนี้ เช่นถ้ายืนยันว่า ต้องทำประชามติ ก็ยืนยันไปแค่นั้น หรือถ้าให้ดียิ่งกว่านั้น ถ้าจะยืนยันไปเลยว่า ภายใต้ รธน เช่นนี้ จะไม่เข้าร่วม ไม่ลงเลือกตั้งด้วย เป็นต้น ประเด็นพวกนี้ ในความเห็นผม จะเป็นการดี ถ้าเพื่อไทยหาทางเจรจา ปชป ดูว่า จะมีทางให้แสดงจุดยืนออกมาในทางเดียวกันหรือไม่ (รวมถึงว่า ถ้าเกิดปาฏิหารย์ คสช ยอมให้มีประชามติจริงๆ ปชป สนใจจะร่วมกับเพื่อไทยในการบอยคอตประชามติ หรือลงมติคว่ำหรือไม่) ที่แน่ๆ ผมไม่คิดว่า การไปเสนออะไรอย่างที่เสนอเรื่องเลื่อนตั้ง มีประโยชน์อะไรเลย (เลื่อนไปแล้วไง? คิดว่า คสช จะร่างใหม่หรือ?)

ที่มาจากเพจ  https://www.facebook.com/somsakjeam/posts/823399437713337


ทุนนิยมเริงระบำ ตอน 1 ของขวัญปีใหม่

ทุนนิยมเริงระบำ ตอน 1 ของขวัญปีใหม

ทุนนิยมเริงระบำ ตอน ของขวัญปีใหม่

ก่อน จะกลายร่างมาเป็นนักเขียนรายงานเช่นในปัจจุบัน หลังออกจากองค์กรด้านเด็กผมได้เคยถูกโชคชะตาฟ้าลิขิตพัดพาให้สถิตสิงสู่อยู่ ในองค์กรธุรกิจใหญ่ยักษ์ “วี๊ดบึ้ม” ชั่วระยะเวลาหนึ่ง เมื่อมีโอกาสเลือดลมฉีดแรงหน้าแดงก่ำ ก็ได้เคยเล่าประสบการณ์ตรงเหล่านี้แลกเปลี่ยนกับพี่น้องคุ้นเคยกันกลุ่ม หนึ่งอยู่เป็นประจำ ชะรอยพี่น้องเหล่านั้นคงเห็นว่าเป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่า หรือไม่ก็เห็นว่าไม่น่าจะเอาเป็นเยี่ยงอย่าง เลยยุแกมล่อใจรวมทั้งเอาของขมมากำนัล รอโอกาสจนถึงช่วงชื่นชุลมุนจึงชวนผมมาร่วมวงแลกเปลี่ยนเรื่องราวเหล่านั้น โดยผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ารับปากพวกมันตอนไหน



และนั่น.....ความซวยจึงมาเยือนท่านผู้อ่านทุกท่าน ณ บัดนี้ตราบกาลเบื้องหน้า

องค์กร ที่ผมเคยสังกัดอยู่เป็นธุรกิจเอกชนยักษ์ใหญ่ข้ามชาติสัญชาติไทย (เป็นความพยายามดันให้เป็นไทยจนได้ของทีมงานภาพลักษณ์) ประกอบธุรกรรมหลักด้านเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร มีสำนักงานใหญ่อยู่ถนนสีลม เล่ามาถึงตรงนี้ไม่รู้ว่าจะปิดไปทำแมวอะไร ใช่ครับทุกคนรู้จักองค์กรนี้ในนาม “เครือเจริญโภคภัณฑ์” หรือ “ซี.พี.”

หน่วย งานที่ผมสังกัดอยู่เป็นทำงานด้านภาพลักษณ์องค์กร มีหน่วยย่อยอยู่หลายหน่วยงาน พี่เอื้อยที่ดูแลเป็นคนเดือนตุลาตัวจริงเสียงจริงเพราะเกิดเดือนตุลาคม ไม่เหมือนบางคนที่มาร่วมการเคลื่อนไหวของประชาชนแต่อ้างว่าเป็นคนเดือนตุลา ทั้งๆ ที่เกิดเดือนอื่น

ถ้าใครเคยดู “คนล่าจันทร์” หนังหลายรางวัลของบัณฑิต ฤทธิกล พี่เอื้อยท่านนี้คือนักศึกษาใส่แว่นที่เดินมาบอกให้ “พี่เสก ลงมาได้แล้ว เขาตกลงกันได้แล้ว” เพื่อให้พี่เสกลงมาจากหลังคารถคราวเคลื่อนขบวนมหาประชาชนไปหน้าสวนจิตรลดา แต่พี่เสกไม่ยอมลง เรื่องราวหลังจากนั้นหลายคนคงเคยสดับรับฟังกันมาบ้างแล้วจะไม่เล่าอีกให้ เข้าใจคลาดเคลื่อนกันไปใหญ่

การทำงานด้านภาพลักษณ์ทำให้ผม เรียนรู้เรื่อง “วาทกรรม” โดยยังไม่ทันจะรู้จักคำๆนี้ด้วยซ้ำ และนั่นนำไปสู่การประดิษฐ์วาทกรรมขึ้นมาใหม่อีกหลายตัวเพื่อแย่งชิงความชอบ ธรรมในหลายๆเรื่อง เวลาได้ยินพี่น้องนักเขียนรายงานวิพากษ์วิจารณ์นโยบายรัฐบาล “ครัวไทย ครัวโลก” หรือ “Kicthen of the World” ทั้งในวงสัมมนาหรือวงกับข้าว ผมก็ได้แต่หัวเราะ หึหึ เพราะรัฐบาลไม่น่าประดิษฐ์คำอะไรได้ลงตัวขนาดนี้

วันหนึ่งปลายปี 2540 พี่เอื้อยเรียกหัวหน้าและผมไปพบ

“นี ผมขอปรึกษาหน่อย คือมีงานที่ผมคิดว่าเหน่งน่าจะทำได้ดี ผมเลยจะขออนุญาตใช้เหน่งหน่อยนะ” เป็นรูปแบบการพูดของพี่เอื้อยที่ฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ทั้งสุภาพ ทั้งถ่อมตัว ขอคำปรึกษา ขอร้อง ไม่เคยออกคำสั่ง จนผมขโมยมาใช้ และพอจะทำได้เนียนไม่แพ้กัน รูปประโยคที่แท้จริงคือ “นี ผมมีงานจะสั่งให้เหน่งทำ เป็นงานเร่งด่วนมาก งานอื่นของเขาให้วางไว้ก่อน”

“คุณ ช่วยไปรวบรวมคำกล่าวของเจ้าสัว ในวาระโอกาสต่างๆ ทำเป็นรูปเล่ม ผมจะมอบให้ผู้บริหารระดับสูงเป็นของขวัญปีใหม่” พี่เอื้อยหันมาพูดกับผม ฟังๆดูแล้วเหมือนจะง่ายและขำๆ แค่รวบรวมคำกล่าวเจ้าสัวในวาระต่างๆ ให้น้องๆช่วยพิมพ์ เย็บเล่ม จ่าหน้าให้พนักงานเดินเอกสารไปส่งที่เลขาฯของแต่ละท่าน...แต่จริงๆแล้ว ผมว่าไม่น่าจะง่ายขนาดนั้น

ช่วงนั้นเป็นปีที่เศรษฐกิจตกต่ำจน ถึงขั้นวิกฤติ ทั้งๆที่ ซี.พี. รับทราบและเตรียมรับมือตั้งแต่ต้นปี 2538 (ขณะที่ตอนนั้นสังคมไทยยังไม่รู้สึกรู้สาอะไร) มีการทยอยปรับโอนย้ายเจ้าหน้าที่หน่วยงานไม่ทำกำไร (Non – profit Center) ไปอยู่หน่วยธุรกิจ (Business Center) ปรับลดขนาดหน่วยงานลง ช่วงที่ผมเข้ามาทำงานแรกๆ หน่วยงานผมมีเจ้าหน้าที่เกือบ 50 คน พอเริ่มวิกฤติเศรษฐกิจ (ตามที่สังคมไทยรับรู้) หน่วยงานผมก็เหลือคนไม่ถึง 20 ชีวิตแล้ว เพราะฉะนั้นเราจึงไม่เคยได้ยินข่าว ซี.พี. ปลดพนักงาน ลดโบนัส หรืออะไรทำนองนี้เวลาเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ

ที่ว่าไม่น่าจะง่าย ขนาดนั้นเพราะองค์กรขนาด 200 บริษัท พนักงานกว่า 40,000 คนทั่วโลก มีการโอนย้าย ปรับกำลัง เปลี่ยนยุทธศาสตร์ ฯลฯ การรวบรวมคำกล่าวเจ้าสัวส่งให้ผู้บริหารระดับสูง ซึ่งในรายชื่อผู้จะได้รับเอกสารชิ้นนี้มีอยู่กว่า 100 คน ความหมายที่แท้ก็คือ การส่งนโยบายให้ศึกษาและทำความเข้าใจก่อนจะสร้างความเสียหายอะไรให้กับ บริษัท รวมทั้งเป็นการสร้างขวัญกำลังใจพนักงานไปในตัวด้วย ที่สำคัญเจ้าสัวเป็นคนพูดเก่ง พูดดี และในช่วงนั้นกำลัง Hot เพราะติดอันดับวิสัยทัศน์ดีเด่นของ Financial Times ของฮ่องกงในระดับแฮททริก และยังให้สัมภาษณ์เดี่ยวสุทธิชัย หยุ่นในรายการเนชั่น นิวส์ทอล์ก ไปแล้วปีละครั้งและกลายเป็น Talk of the Town ทุกครั้ง คนที่จดจำได้ดีที่สุดน่าจะชื่อสรยุทธ สุทัศนะจินดา

อ้าว เล่าไปถึงไหนแล้วเนี่ย  อ้อ.....เอ้อ แล้ว กู จะคัดอะไรไปให้เขาอ่านกันเล่า เพราะคนที่นี่เขาเป็นพวกหมัดหนักกันทั้งนั้น ไม่ชอบอ่านอะไรยาวๆ

แต่ไม่ว่าจะยากอย่างไร ทุกอย่างก็ต้องเสร็จเพราะมันมี “เส้นตาย”

“คุณเรียนรู้อะไรบ้าง” จู่ๆวันหนึ่งหลังปีใหม่ พี่เอื้อยก็ถามผมขึ้นมา ทั้งๆที่กำลังจะโดนรุกจน
“อะไรครับ” ผมกำลังหัดพูด อะไรวะ ในเวอร์ชั่นสุภาพ ตามองที่ม้าฝ่ายตรงข้ามไม่วางตา
“ก็ที่ผมให้รวบรวมคำกล่าวเจ้าสัวไง” พี่เอื้อยพูดพลาง ขยับม้าหนี
“อ๋อ... ก็ต้องประเมินสถานการณ์ปัจจุบันว่าจะบอกกล่าวนโยบายอะไรดี รวมทั้งจะหาคำกล่าวเชิงให้กำลังใจหรือปลุกปลอบขวัญอะไรบ้างจะได้บาลานซ์ ระหว่างคำสั่งกับกำลังใจครับ” ผมหงายเม็ดเป็นเบี้ยหงายไล่ม้า
“เฮ้ย...แค่นี้เหรอ” พี่เอื้อยขยับม้าหนีอีกครั้ง
“ครับ” ผมตอบงงๆ มือที่ยกเรือขึ้นมาเริ่มลังเล ลืมไปเลยว่าจะวางที่ไหน
“คุณตีความคำกล่าวเจ้าสัวได้ไหม ไหนลองยกสักช่วงที่คุณจำได้สิ” พี่เอื้อยเดินโคนขึ้นมาผูกกัน และทำให้เบี้ยหงายไม่ตรงช่องกับโคนคู่

ผมพยายามนึกคำที่โดนผมและน่าจะโดนพี่เอื้อยมากที่สุด และเข้ากับสถานการณ์ เพื่อตัวเองจะได้ดูดีแล้วพูดให้พี่เอื้อยฟัง
“นัก ธุรกิจที่แท้จริงจะพยายามแข่งกันในขอบเขต จะไม่แข่งจนตายหรือพังกันไปข้างหนึ่ง ถ้าเรามีความสามารถก็ไปหาธุรกิจอื่น ทำไมต้องมาแย่งข้าวชามเดียวกันสุดท้ายไม่อิ่มสักคน แล้วก็ไม่มีประสิทธิภาพ แล้วมันเสียไม่ว่ายักษ์ใหญ่ยักษ์น้อย”

“แล้วหมายถึงอะไร” พี่เอื้อยถาม ผมรู้สึกว่าพี่เอื้อยอยากจะใช้ม้า แต่เสไปเดินเบี้ย
“อะไรครับ” ผมงงแล้วก็ทำอะไรไม่ถูกเลยเดินเบี้ยไปยันไว้
“ความหมายในคำกล่าวนั้นน่ะ ที่มากกว่าแข่งกันพอควรน่ะ” พี่เอื้อยยิ่งทำให้ผมงงมากยิ่งขึ้น เพราะแกเลื่อนเรือมาปิดช่องว่างไว้
“ไม่เข้าใจครับพี่” ผมงงและไม่รู้จะทำอะไร เลยขยับเรือมาสองตา
“ความ หมายที่มากกว่านั้นคือ เราอย่าแข่งกันมาก เพราะถ้าแย่แล้วมันจะมีรายใหม่ที่สดกว่าแข็งแรงกว่าเข้ามา แล้วมันจะแย่กันไปหมด นี่เป็นคำเตือนจากยักษ์ใหญ่ คุณเข้าใจไหม เพราะคนระดับนี้เวลาพูดอะไรเขาจะสื่อมากกว่าที่พูดและสื่อถึงทุกคนที่เกี่ยว ข้อง” พี่เอื้อยขยายความ ขณะที่ผมคิดตามและเริ่มถึงบางอ้อ

“ที่ ให้คุณรวบรวมคำกล่าวเจ้าสัว และที่ขยายความให้ฟังเพราะงานคุณจะต้องใช้ทักษะพวกนี้มากๆ คุณต้องตีความให้ออก เพราะต่อไปคุณอาจต้องเขียน Speech ด้วย จะได้ซ่อนเป็น” พี่เอื้อยอธิบายแต่ท่าทีเหมือนรออะไรบางอย่าง
“ขอบคุณครับพี่” ผมขอบคุณด้วยความจริงใจ โดยไม่ได้ซ่อนอะไรไว้
“ไม่เป็นไร ถือว่าเป็นของขวัญปีใหม่แล้วกัน” พี่เอื้อยพูดไม่ทันขาดคำ มือยกม้ามากินเรือผมฟรีๆ พร้อมรุกฆาตขุนกับเรืออีกตัว
ผมกำลังจะอ้าปากโวยว่าพี่เอื้อยโกง เพราะผมจับตามองม้ามาตั้งแต่ต้น มันไม่น่าจะใช่ตาของมัน
แต่พี่เอื้อยลุกขึ้นพูดสั้นๆให้กำลังใจผมว่า “ฝึกมากๆ หน่อยนะ เดี๋ยวก็เป็น” ก่อนจะเดินจากไป.

คำ เตือน: เนื่องจากบุคคลในเรื่องยังไม่มีใครตาย จึงพยายามหลีกเลี่ยงการใช้ชื่อจริงทั้งหมด เพื่อไม่ให้ผู้อ่านและผู้ถูกพาดพิงได้รับอรรถรสมากเกินพอดี

ตีพิมพ์ครั้งแรกในปาจารยสารฉบับที่ 1 ปีที่ 33 มีนาคม-เมษายน 2552

ที่มาจากเพจ  https://www.facebook.com/notes/%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B9%8C%E0%B8%A8%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B9%8C-%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E/%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B3-%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%99-1-%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88/10150103151076607

มนุษย์ล่องหน

หลังจาก แกนนำ นปช.ได้ชักชวนมวลชนคนเสื้อแดงเข้าร่วมชุมนุมแสดงจำนวน ที่ถนนอักษะ เพื่อ แจ้งข่าวต่อชนชั้นสูงว่า "อย่าทำอะไรดิฉัน/กระผมนะครับ แค่มาขอกราบกินสวยๆงามๆ ขอส่งส้นตีนมาให้กราบหน่อย ก็โอเคร นะ"
และหลังจากที่ฝ่ายปฏิรูปพูดว่า-"ดิฉัน-ผมรักท่านและรักชนชั้นสูงฝ่ายใดฝ่าย หนึ่งเหมือนกันนะฮร้าฟ -และมีแบ็ค (ผู้ค้ำจุนการชุมนุม) อยู่เหมือนกัน-ไม่ใช่มีแบ๊ค อัพ เฉพาะนายเทพเทือกเท่านั้นนะคร้าฟ" เท่านั้นแหละ
ก็มีมนุษย์ล่องหนเกิดขึ้น-
กล่าวคือ -คนเสื้อแดงที่เห็นว่าฝ่ายปฏิรูปทุนผูกขาดสวามิภักดิ์รายใหม่-ต่อสู้แบบสุ่ม เสี่ยง -ไม่มีกหลักประกัน-พลาดแล้วไม่ขอโทษ -ไม่รับผิดชอบ-และปล่อยคนฆ่าลอยนวล-เพราะฝ่ายสวามิภักดิ์ไม่ลงนาม ไอซีซี. เพื่อปกป้องมวลชน --มวลชนจึง-ไม่เข้าร่วมชุมนุมส่วนหนึ่ง- ด่าส่วนหนึ่ง-เดินหนทางใหม่อีกส่วนหนึ่ง
และส่วนที่เข้าร่วมชุมนุมก็จะเข้าร่วมแบบเตรียมพร้อมหลบกระสุน หลบการดักซุ่มโจมตี หลบการถูกปิดล้อมระวังหน่วยเคลื่อนที่เร็วของ กปปส.เข้าทำร้าย-หรือคอยเผ่นหนีจากการก่อกวนที่อาจมาซุ่มตีจากฝ่ายชนชั้นสูง
ทั้งนี้ เพราะคนเสื้อแดงบางส่วนได้ตาสว่าง -ปัญญาสว่าง และมีทฤษฎีการต่อสู้ทางชนชั้น ที่ต้องต่อสู้เพื่อถือครองระบบกรรมสิทธิ์แบบใหม่ บริหารเศรษฐกิจโดยชนชั้นล่างแบบใหม่ และแบ่งปันกันแบบใหม่
ซึ่งต้องใช้พลังอำนาจทางตรงของประชาชนทั่วพื้นที่ทั้งประเทศ -เขาสลายทุนผูกขาดศักดินาเหนือรัฐจริงๆ--มวลชนไม่ได้มียุทธศาสตร์กราบกิน- ที่เอาแต่เพียงของส่งตัวแทนทุนผูกขาดสวามิภักดิ์รายใหม่ไปร่วมกราบกินก็ถือ ว่าชนะแล้ว -ตามที่ฝ่ายปฏิรูปต้องการ ก็หาไม่
..การที่มวลชนรู้ว่าฝ่ายปฏิรูปหลอกเอาชีวิตหลอกเอาตำแหน่งนั้น เพราะ จับเท็จจาก
๑.ฝ่ายปฏิรูปไม่ลงนามไอซีซี.
๒.ไม่พูดเรื่องการขูดรีดเรื่องเศรษฐกิจว่าศัตรู(อำมาตย์-ตามที่ นปช.อ้าง) กดขี่ขูดรีดทางเศรษฐกิจอะไรบ้าง โกงอะไรบ้าง โกงที่ไหน อย่างไร โกงสัมปทานน้ำมันไหม? ฯลฯ (ตรงข้ามกับฝ่าย กปปส.ที่พูดว่า ทักษิณโกงทางเศรษฐกิจอย่างไรที่ไหน--แต่ฝ่าย นปช.ไม่พูดเลยว่า อำมาตย์โกงมากกว่าอย่างไร?ที่ไหน? เท่าไหร่? จะเอาคืนหรือไม่? เอาคืนมาให้แระชาชนอย่างไร? มีหลักประกัน และกลไก ใหม่ ในการยึดครองกรรมสิทธิ์ทางตรงของประชาชนอย่างไร? นปช.ไม่เคย พูด.)
๓.การด่าทอให้เกลียดชังสุเทพ เอาศีลธรรมส่วนตัว ของสมุนอำมาตย์มากล่าวโจมตี-ย่อม ทำให้ขนาดของเป้าหมายศัตรูผิดพลาดไป-และคิดแต่จะจูงคนเสื้อแดงด้วยโวหาร คารม วาทะกรรมด่าทอเท่านั้น) ให้ต่อสู้ด้วยอารมณ์รักทักษิณ ไม่ให้รักชนชั้นตนเอง-และให้เกลียดบุคคล ไม่สอนหรือแนะให้มวลชนรู้ถึงระบบขูดรีด และระบบสลายการขูดรีด
เพียงแค่ ๓ ประเด็น ก็ย่อมยืนยันถึงข้อพิรุธที่ฝ่ายปฏิรูปสมคบฝ่ายอนุรักษ์ และหลอกลวงมวลชนให้สู้แค่ทางการเมืองการปกครองเท่านั้น
....ไม่หวังให้มวลชนพ้นจากการขูดรีด-และไม่บอกว่า จะพ้นอย่างไร?ที่จะเอากรรมสิทธิ์สัมปทานคืนจากศัตรูประชาชนที่แบ่งค่า สัมปทานน้อยนิด
...นี่แหละ--ทำให้-มี ๓ แนวทาง-ที่มวลชนจะต้องตัดสินใจเลือกเอาแนวทางที่ทำให้หายจนถาวร

ที่มาจากเพจ  https://www.facebook.com/absolute.monarchy.th

สัญญาณอันตราย

ปัจจุบัน มีตัวเลข ระบุบหนี้สาธารณะ ที่รัฐบาลของชนชั้นทุนผูกขาดศักดินาเหนือรัฐได้กู้ยืมเงิน-สะสมหนี้--แทน ประชาชน-โดยประชาชนเป็น"ผู้ใช้หนี้" แต่เงินที่เอาไปใช้นั้น-ชนชั้นอื่นเอาไปใช้-ใช้สร้างมูลค่าเพิม-ใช้ทำ กำไร-แต่ประชาชนไม่ได้รับ-มูลค่าส่วนเกินนั้น-พวกเขาเอาไปเสียสิ้น
หนี้สาธารณะ -(หนี่ที่อยู่ๆก็เป็นหนี้) ๔๖.๖ เปอร์เซ็นต์ของ GDP//
หนี้ครัวเรือนร้อยละ 53.8 ของครัวเรือนทั้งประเทศ//การเป็นหนี้ของบุคคล ร้อยละ 128 ของรายได้

สรุปว่า-หากินไม่พอกิน-หาได้ร้อยบาท(๑๐๐ บาท) เป็นหนี้เพิ่ม (จำต้องเป็นหนี้) ๑๒๘ บาท-ค่าแรง ๓๐๐ บาทต่อวัน-ต้องมีหนี้เกิดขึ้นเพิ่ม อีก ๖๗๘ บาท--ชาตินี้ ก็ใช้ไม่หมด
ทุนผูกขาดศักดินาเหนือรัฐที่มีอิทธิพลอเมริการครอบงำ ได้สร้างทุกข์ภัยต่อประชาชนคนทำงานอย่างทารุณโหดร้าย
ภาวะความสุดจะทานทนของประชาชนคนไทยอยู่ที่ใด?
คนไทยรู้หรือไม่ว่า คนไทยมีทรัพยากรน้ำมัน แก็ส ทองคำ ข้าว ปลา อาหาร ฯลฯ แต่ความมั่งคั่ง-ไม่ตกถึงประชาชน
การเปลี่ยนแปลงระบบความสัมพันธ์ทางเสรษบกิจ การเมือง วัมนธรรม สังคมเสียใหม่คือทางออก-
แต่ความรู้ -เจตนารมย์-และฝีมือ ในการต่อสู้เปลี่ยนแปลงนั้น-
จะไปถึงประชาชนคนทุกข์ยาก ไปถึงคนจนที่ถูกกระชับพื้นที่ในการมีชีวิตอยู่-ได้อย่างไร?
......มนุษย์ที่อยู่ฟรีกินฟรีที่เกาะกิน-ควบคุมระบบอยู่ จะถูกประชาชนเอาออกไปเสียสิ้นจากความสัมพันธ์ทางสังคมเศรษฐกิจ การเมืองได้อย่างไร?
ประชาชนมีศักยภาพเข้าแทนที่หรือเอาสมบัติชาติ--หรือเอาทรัพย์ที่มาจากแรงงานประชาชนคืนมาให้ประชาชนทั้งหมด-ได้หรือไม่?
ปัญหา-ตัวเลข-ความจริง-ที่เป็นภาวะอันตราย-ที่กระทำต่อแประชาชนอย่างบีบคั้น-นี้-จะถึงวาระสิ้นสุดเมื่อใด?

จากเพจ  https://www.facebook.com/absolute.monarchy.th


ยุทธศาสตร์ ๓ แนวทาง

(บรรยายภาพ) ยุทธศาสตร์ ๓ แนวทาง
ปลายทาง คือเป้าหมาย คือ ยุทธศาสตร์ คือ ช่วงระยะเวลา ณ.ปัจจุบัน ไปจนถึง อนาคต แห่งชัยชนะ
วิธีการไปสู่เป้าหมาบ คือ ยุทธวิธี ที่จักต้องจัดสร้าง จัดทำ จัดกำลัง จัดทำแผน แล้วต่อสู้ด้วยการฝึกทักษะที่จะบรรลุ-เป้าหมาย--
ฝ่ายปฏิรูป -และฝ่ายอนุรักษ์ ต้องการ"ปลายทางอย่างไร?" ให้ดูที่การจัดวางกำลัง อุปกรณ์ แผนงาน และวิธีการฯลฯ
เมื่อมุ่งกราบกิน ย่อมจัดทัพไปกราบกิน -เมื่อมุ่งแบ่งกิน ก็จัดกำลังไปขอแบ่งกิน
เมื่อไม่ต้องการให้ประชาชนมีอำนาจ และมั่งคั่ง แบบมีหลักประกัน -ฝ่ายปฏิรูป ก็ย่อม
๑.ปกปิดระบบการใช้อำนาจทางตรง มุ่งเน้นแค่การให้มวลชนเป็นกองเชียร์ให้ฝ่ายตนมีตำแหน่ง ไม่ชูการใช้อำนาจโดยประชาชน
๒.ระบบเศรษฐกิจจะสูบโกยให้มีการผูกขาดโดยชนชั้นสูง
๓.ไม่ส่งเสริมให้มีการนำรวมหมู่ -ไม่เอาสภามู่บ้านประชาธิปไตยทางตรง-ไม่สลายระบบทุนผูกขาดศักดินาเหนือรัฐ
๔.การจัดวางกำลังหรือยุทธวิธี จะใช้ประชาชนเป็นเพียงเครื่องมือ ใช้ชีวิตประชาชนอย่างเสี่ยงภัย ไม่เป็นฝ่ายกระทำ แต่จะให้ประชาชนถูกกระทำ--ไม่จัดตั้งทางชนชั้น
๕.เน้นกิจกรรมและกลยุทธิ์แก้เกมส์ รายวัน รายเดือน หรือตามข่าวเฉพาะหน้า--ตามแต่ปรากฏการณ์ ไม่เอาปัญหายุทธศาสตร์มานำพามวลชน
๖.ไม่สร้างอุดมการณ์ทางชนชั้น ไม่เอาประชาธิปไตยของประชาชนคนรากหญ้า ไม่จัดระบบการศึกษาการต่อสู้ทางชนชั้นทั้ง ๓ มิติ (การเมือง เศรษฐกิจ สังคม)
....
จากเพจ  https://www.facebook.com/absolute.monarchy.th


ทุนผูกขาดศักดินาเหนือรัฐ ที่มีอิทธิพลอเมริกาครอบงำ


(บรรยายภาพ) ประชาธิปไตยประชาชนทางตรงมีจริง
ประชาชนสามารถสร้างประชาธิปไตยทางตรงได้ ตามขั้นตอนสำคัญ ดังนี้
๑.ศึกษาทำความเข้าใจ "ธาตุแท้" ให้รู้ว่า--สังคมทั้งโลก-ตั้งแต่ยุคประวัติศาสตร์(ยุคที่มีการบันทึกด้วย อักษร) นั้น-- ล้วนถูกบันทึกการต่อสู้ทางชนชั้น ระหว่างผู้ถือครองเศรษฐกิจผูกขาดกินฟรีอยู่ฟรี กับ คนทำงานคนหาคนปลูกคนสร้างคนทำงาน คนเลี้ยงทั้งสิ้น
๒.การต่อสู้ทางชนชั้นเริ่มจากการทำมาหากิน การหาเก็บ หาความมั่งคั่ง หาความสำราญเริงใจ-ใครถือครองที่ดิน ทรัพยากร ปัจจัยหากิน-ผลผลิต และสืบมรดก-จากผลผลิตที่ชนชั้นผู้ถือครองเดิม ตายไป--ก็ต้องสืบต่อทางชนชั้น-รวยต่อเนื่อง และอีกฝ่ายยากจน จนต้องทำงานหนัก ไร้ตวามมั่งคั่ง-ต่อเนื่องสืบรุ่นต่อรุ่น
๓.การรักษาการขูดรีดได้ต้องมีระบบกฎหมาย และระบบปกครองเพื่อชนชั้นผูกขาดกินฟรีอยู่ฟรี-ชนชั้นสูงทั้งลูกหลานจะมีกิน ถาวร-จึงต้องครองอำนาจกดขี่คน-ควบคุมคนชนชั้นล่างถาวรด้วย
๔.ระหว่างชนชั้นสูงด้วยกัน จะทำงานเป็นทีมทางปกครอง--มีระบบหารือ และออกความคิด มีประชาธิปไตย คิด พูด ทำ ในชนชั้นสูงเอง-เฉพาะพวกเขา-
"ประชาธิปไตยแบบมีชนชั้น"จึง"กำเนิดขึ้น ๓๐๐๐ ปีก่อน ในหมู่คนชนชั้นสูง--ด้วยชนชั้นสูง เพื่อชนชั้นสูง--ต่อชนชั้นแรงงานทาส-ไพร่ -ลูกจ้าง-จะมีแต่--"เผด็จการ" ถูกบังคับกาย-วาจา ใจ-ความคิด-ความรู้ --ถูกบังคับทั้งสิ้น -จนถึงปัจจุบัน ตามลักษณะ"สังคมที่มีชนชั้นผูกขาดกิน" ก็ต้องบีบบังคับเอาผลผลิตของคนทำงานด้วยเผด็จการเสมอ-ตั้งแต่ทำงานราย วัน--เพราะชนชั้นสูงจะยึดครองเอาที่ดินและปัจจัยการหากินไว้ในมือแล้ว
ในยึคก่อนประวัติศาสตร์ "เคยมีประชาธิปไตยทางตรง-แบบหากินระบบบรรพกาล--ไม่มีชนชั้น
ปัจจุบันผลผลิตถูกส่งให้ชนชั้นสูงไปกินฟรี อยู่ฟรี คนจนไม่ทำก็อด ก็ถูกฆ่าตาย ถ้าจะรื้อทิ้งทำลายการปกครองเขา--รื้อทิ้งระบอบกรรมสิทธิ์เอกชนผูกขาดใน เศรษฐกิจของเขา ประชาชนก็จะถูกรุมฆ่า--
ถ้าแค่ขอเพียงกราบกิน--แบบทุนผูกขาดสวามิภักดิ์รายใหม่ เขาก็ไม่ฆ่าบ่อยๆ-ฆ่าทิ้งถ้ากราบไม่สวยงาม-ปล่อยให้กราบกิน และต่อรองได้-บางเรื่อง-ที่มีกำไรดี
๕.ประชาธิปไตยทางตรง-ประชาธิไตยระบบสภาหมู่บ้าน-สภาโรงงาน-สภาชุมชน--ที่ ต้องเริ่มจากประชาชนที่ทำงาน มาต่อสู้ร่วมกัน--ต้องมีการหารือ-นำรวมหมู่-คิดร่วมทำร่วมตั้งแต่ต้น--จึงจะ มีโอกาสชนะ-เพราะระหว่างคิดร่วมทำร่วมในระยะต่อสู้--คือการสร้างทีมคนจน --และสร้างพลังขับเคลื่อน--ที่มีปลายทาง
โค่นล้ม-ยึดครอง-ปราบปราม กวาดล้าง ชนชั้นทุนผูกขาดศักดินาเหนือรัฐและบุคคลากรร่วมผูกขาดเสียสิ้น--แล้วประชาชน สืบทอดการบริหารเศรษฐกิจเองทุกระดับ แบบถือครองร่วม คิดร่วม ทำร่วม แบ่งปันร่วม
และปกครองร่วม
ประชาธิปไตยทางตรง จึงเป็นทั้งเป้าหมาย เป็นเนื้อหา และ
เป็นวิธีการต่อสู้
ที่มีหลักประกันชัยชนะให้อยู่ในมือประชาชนทั้งการใช้อำนาจเอง-และถือครองแบ่งปันผลงานเอง
นี่คือประชาธิปไตยในระยะผ่านของประวัติศาสตร์ที่มีการต่อสู้ทางชนชั้น
ถ้าไม่สู้ก็ต้องชวนกันไปเป็นกองเฉย -กองยอมจำนน-กองปฏิกิริยารักส้นตีนชนชั้นสูง-เป็นกองกราบ-กองเชียร์ กองเลีย กองหน้า ที่ไปรับใช้ชนชั้นอื่นๆ
แล้วแต่นะ เลือกเอา-มันเป็นประชาธิปไตยทางระบบคิด--ถ้ามีปลายทางกราบกิน ก็เลือกรอคอย คร่ำครวญ ตามคำหลอกลวงของแนวร่วมชนิดต่างๆ ที่ปกปิดยุทธศาสตร์ทางชนชั้น--จึงเอายุทธวิธีของชนชั้นอื่นมาหลอกให้ยึดถือ เดินตาม
ไม่เปิดเผยประชาธิปไตยของประชาชนที่มีระบบคิด มีเนื้อหา และมีปลายทางต่างกันคนละขั้วเลยนะ

ที่มาจากเพจ  https://www.facebook.com/absolute.monarchy.th

ทุนผูกขาดศักดินาเหนือรัฐ

ทุนผูกขาดศักดินาเหนือรัฐ ที่มีอิทธิพลอเมริกาครอบงำ ....
·
(บรรยายภาพ) มวลชน ๓ ปลายทาง
ปัจจุบัน มวลชนที่ลงสนามต่อสู้ทางการเมือง--มีปลายทาง(เป้าหมาย) แตกต่างกัน ๓ เป้าหมาย คือ
๑.มวลชนอนุรักษ์นิยมมีปลายทางเพื่อรักษาการกดขี่ขูดรีดของชนชั้นสูง ให้อยู่ฟรีกินฟรี ให้ครองระบบสูบโกยกินโดยไม่ต้องทำงาน-รักษาความเห็นแก่ตัว รักษาชนชั้นสูงไว้กราบทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม (รักษาการใช้อำนาจโดยยอมยกให้ชนชั้นสูงผูกขาดใช้อำนาจ) มวลชนเหล่านี้ หลงงมงายว่า ชนชั้นสูงและระบบทุนผูกขาด ระบบวัฒนะธรรมและปกครองศักดินาเดิม(มาถึงปัจจุบัน) นั้น ดีอยู่แล้ว(มวลชนเหล่านี้ถูกหลอกให้คลั่งและงมงาย-หาเลี้ยงเขาฟรีๆ แต่ก็ยังโง่คิดว่า ชนชั้นสูงหาเลี้ยงตนเอง--มีลักษณะประมาณว่าโง่เง่า ปัญญาอ่อน โหดร้ายไล่ฆ่าเสื้อแดง และสาระเลวกว่าสัตว์เดรัจฉาน) รวมทั้งบุคคลากร กลไกอำนาจของชนชั้นสูงทั้งฝ่ายถือปืนและพลเรือน รวมนักบวชบางส่วน
๒.มวลชนฝ่ายปฏิรูป ซึ่งมองคร่าวๆ ว่า เป็นคนเสื้อแดงที่หลงแกนนำ หลงรับใช้ชนชั้นทุนผูกขาดสวามิภักดิ์รายใหม่(ทุนผูกขาดตัวรอง ที่ขอกราบกิน และถือหางห้อยโหน ชนชั้นสูงฝ่ายที่รอรับมรดกมหึมา มหาศาล บานตะไท ใหญ่ที่สุดในโลก มากกว่ามรดกของใครในโลก)
สนับสนุนการชิงมรดกของชาติให้ตกอยู่กับศักดินาคนละฝ่าย เพื่อหวังกราบกิน มีกำไรถาวร ประมาณว่า เป็นมวลชนที่ยังไม่มีความรู้ทางชนชั้นและไม่รู้เรื่องการขูดรีดทาง เศรษฐกิจ-ไม่รู้การสลายโครงสร้างที่เลวทราม--รู้แค่ตัวบุคคล-และใส่ความ รู้สึกเข้าไป-ตามแต่แกนนำจะชักจูงไปทีละเรื่องๆๆ
๓.มวลชนฝ่ายปฏิวัติประชาธิปไตยประชาชนแบบตาสว่าง ปัญญาสว่าง-มีความรู้ทางชนชั้น -มีมิติการต่อสู้ครบทั้ง ๓ มิติ-การเมือง เศรษฐกิจ จิตสำนึก--และมีความรู้เรื่อง โซ่ ๓ เส้น ซึ่งเป็นเป้าหมายปลายทางของชนชั้นล่าง
ที่ต้องเอาโซ่ ๓ เส้น คืนมาเป็นของประชาชน (ซึ่งแกนนำฝ่ายปฏิรูปต้องการเก็บไว้กราบกินเอง)
โซ่ ๓ เส้น คือ
๑.โซ่กรรมสิทธิ์ที่ดิน เงิน สัมปทาน แร่ธาตุ ฯลฯ ต้องดึงมาเป็นของประชาชนโดยไม่ใช่ขาย การสัมปทานหรือยกให้ชนชั้นอื่น แล้วประชาชนต้องมาซื้อกินซื้อใช้ แบบน้ำมัน แก็ส แร่ ต่างๆ --ยิ่งขายดี คนยิ่งยากจน-พอจะได้แบ่ง ก็ปลายน้ำ หักเงินเราเองคืนมา--ซึ่งตัววัตถุดิบ (น้ำมัน แก็ส แร่ธาตุ ที่ดิน ธนาคาร ภาษีฯลฯ) ผลผลิตมันเอาไปหมด-คนจนจะได้ก็ต้องซื้อก่อน--พอจะได้สวัสดิการ ก็ต้องกราบขอฝ่ายปฏิรูป หรือไม่ก็หาส้นตีน หาตำแหน่งให้ฝ่ายปฏิรูปก่อน
ทั้งนี้ฝ่ายปฏิวัติประชาธิปไตยประชาชน รู้ดึว่าต้องต่อสู้เอามาเป็นของประชาชน มีกลไกใหม่ดูแล-และต้องปราบชนชั้นสูง ขับไล่ออกจากระบบกรรมสิทธิ์ทั้งหมดทุกชนิด
๒.โซ่บริหาร เป็น โซ่แห่งอำนาจควบคุมจัดการทรัพย์ของประชาชน มีสภาหมู่บ้านดูแลทรัพย์ ดูแลบ่อน้ำมันในหมู่บ้าน -มีสภาประชาชนทางตรงชนิดต่างๆ ดูสัมปทานทุกชนิด(ตั้งหน่วยงาน และออกกฎหมายหลังไล่กระทืบชนชั้นที่ถือครองกรรมสิทธิ์ไปพ้นหมดแล้ว-ทั้ง บุคลากร ที่ผู้เป็นปรปักษ์และปฏิปักษ์)
๓.โซ่การแบ่งปัน-โซ่เส้นนี้ ประชาชนต้องถือโดยสภาหมู่บ้านทางตรง-เพื่อออกกฏเกณฑ์สัดส่วนการแบ่งปัน-สภา ประชาชนเป็นหน่วยอำนาจแรกที่ต้องออกกฏการแบ่งปันสัมปทานน้ำมัน แก็ส และอื่นๆ)
นี่คือ วิสัยทัศน์ อุดมการณ์ของชนชั้นประชาชนยุคใหม่ หรือชนชั้นกรรมาชีพยุคใหม่ ที่ต้องสร้างขบวนร่วม โดยร่วมทางอุดมการณ์และการจัดตั้งสู้ ที่กำลังก่อรูปขึ้นทางชนชั้นยุคใหม่แล้ว

ที่มาจากเพจ// https://www.facebook.com/absolute.monarchy.th